เชื้อชั่วไม่ตายแล้วยังได้ไปต่อ

ความฝันของของชาวบ้าน 14 ล้านเสียงที่เทเลือกพรรคก้าวไกล หวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศไปในทางดีขึ้น กับฝันอันน้อยนิดที่แอบฝันว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่ฝังรากลึกคู่สังคมไทยจนกลายเป็นเชื้อชั่วไม่มีวันตาย
ในคอลัมน์ได้นำเสนอพฤติกรรมการฉ้อราษฎร์บังหลวงผ่านหัวข้อ”เชื้อชั่วไม่มีวันตาย”เป็นเชื้อชั่วเพียงเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในกระทรวง ทบวง กรม และโครงสร้างทางอำนาจของไทยถึง 9 ตอน
โดยมีแรงจูงใจที่จะเห็นการฆ่าเชื้อชั่วจากที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร แกนนำพรรคก้าวไกล ออกมาปฏิบัติการเก็บข้อมูลสติ๊กเกอร์ส่วยทางหลวง ที่ฝังรากอยู่ในระบบขนส่งทางหลวงมาอย่างยาวนาน รวมถึงการเก็บข้อมูลการทุจริตทั้งแบบใต้โต๊ะบนโต๊ะของหน่วยงานต่างๆ
ขณะเดียวกันก็ได้เห็นการขยับของส.ส.ก้าวไกล คนอื่นๆที่เดินหน้านำส่งข้อมูลหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจถึงการทุจริตของรัฐบาลชุดเก่า ให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ตรวจสอบเอาผิด
ไม่ว่าเป็นกรณีการถือครองที่ดินของการรถไฟฯที่เขากระโดงกว่า 5,000ไร่ ที่บุรีรัมย์ รัฐมนตรีตั้งบริษัทรับเหมาให้นอมินีดำเนินการแทน การก่อสร้างและต่อสัมปทานรถไฟฟ้าเอื้อให้บริษัทเอกชน การแต่งตั้งโยกย้ายของหน่วยงานต่างๆที่เล่นพรรคเล่นพวกบวกปัจจัยแบบเก้าอี้มีไว้เซ็งลี้ รวมถึงตั๋วช้างในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ยังถูกเล่าขานกันถึงปัจจุบัน ในที่สุดความฝันของชาวบ้าน 14 ล้านเสียงก็กลายเป็นฝันเปียก และดับฝันอันน้อยนิดที่แอบฝันว่าเชื้อชั่วจะถูกขจัดให้เบาบางลง
เมื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รับไม้ต่อจากก้าวไกลเดินเกมจัดตั้งรัฐบาล อ่านแถลงการณ์ฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคว่า
“ขอถอนตัวจากการร่วมมือกับพรรคก้าวไกลและเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ พร้อมเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี”
ในแถลงการณ์ระบุไว้หลายเหตุผลถึงการขจัดพรรคก้าวไกลให้พ้นทาง ก่อนทิ้งท้ายว่า
”พรรคเพื่อไทยขอแสดงความจริงใจต่อมิตรทุกพรรคการเมืองและสมาชิกวุฒิสภารวมทั้งพี่น้องประชาชนว่านี่คือแนวทางที่จะรักษาสถาบันสำคัญของชาติให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งประเทศและช่วยผลักดันความต้องการของประชาชน ภายใต้ข้อจำกัดและเส้นทางที่ยากลำบากนี้ไว้ได้ เพื่อให้ภารกิจพาประเทศพ้นวิกฤต สร้างสรรค์ประชาธิปไตย…”
คงไม่ต้องบอกโวหารที่ว่าจะไม่ผสมพันธุ์กับพรรคที่สืบทอดอำนาจเผด็จการ คงไม่ต้องพูดถึงสำนวนว่า”ดูปากดิฉันไว้ว่าจะไม่เอาพวกรัฐประหาร”เป็นของใคร และคำว่า”ตระบัดสัตย์”สะกดอย่างไร ทุกบริบทล้วนซ่อนอยู่ในแถลงการณ์เรียบร้อยแล้ว
การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคม นายเศรษฐา จะผ่านหรือไม่ผ่านหรือจะเปลี่ยนคนใหม่มาแทนเพื่อโหวตอีกรอบก็ยังเป็นคนของไทยอยู่ดี เพราะมีเป้าหมายสำคัญคือนายทักษิณ ชินวัตร ต้องกลับบ้านแบบตรงวันเวลาที่กำหนด การตั้งรัฐบาลก็คงหนีไม่พ้นสูตร”ฝนตกขี้หมูไหล……”อยู่ดี
เมื่อการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จโดยพรรคก้าวไกลถูกผลักให้พ้นสมการมาสวมบทฝ่ายค้านก็นับเป็นเรื่องดี เพราะแนวโน้มการเมืองในอนาคต จะเป็นภาพการต่อสู้ระหว่างพรรคเพื่อไทยที่เป็นตัวแทนฝ่ายกลุ่มอำนาจเก่ากับพรรคก้าวไกลที่จะเป็นตัวแทนฝ่ายเสรีประชาธิปไตย
ถ้าพรรคก้าวไกลยังคงเส้นคงวากับบทบาทฝ่ายค้านที่เปี่ยมคุณภาพ เหมือนที่ผ่านมา โอกาสที่รัฐมนตรีในสูตรฝนตกขี้หมูไหล…คงไม่กล้าผลีผลามที่จะเขมือบผลประโยชน์ ถ้าทำก็จะแยบยลยิ่งขึ้น เท่ากับก้าวไกลได้ช่วยให้การทุจริตได้เบาบางลงได้บ้าง
ประการสำคัญถ้าก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลด้วยเสียง ส.ส. 151 เสียง โดยมีพรรคร่วม 8 พรรค นโยบายหลายๆนโยบายที่สัญญาไว้ไม่มีโอกาสได้ทำแน่นอน
โดยเฉพาะนโยบายปราบทุจริตจะไม่ดำเนินการได้แบบเต็มไม้เต็มมือเพราะนอกจากจะมีรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลขัดแข้งขัดขาแล้วก็ยังมีพรรคที่ยิ่งใหญ่ครองอำนาจมาตลอดนั่นคือพรรคราชการ ที่พร้อมจะตั้งกำแพงที่หนายิ่งกว่ากำแพงเมืองจีนเป็นตระหง่านคอยสกัดทุกรูปแบบอยู่แล้ว
ถ้าหากก้าวไกลจะคิดเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดี ตามที่คนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าบางส่วนหวัง ต้องโชว์บทบาทฝ่ายค้านเปี่ยมคุณภาพ ยอมหักไม่ยอมงอกับความไม่ถูกต้องทุกรูปแบบ เก็บแต้มความนิยมและศรัทธาไปเรื่อยๆ เมื่อถึงจังหวะที่ประชาชนตัดสินแลนด์สไลด์ก็เอาไม่อยู่
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลต้องตั้งรับแผนการฆ่าตัดตอนที่ฝ่ายกุมอำนาจวางไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนให้รอบคอบ เพราะขุนคงถูกฆ่าทางการเมือง รังจะถูกเผา แกนนำพรรคจะถูกเว้นวรรค และงูเห่าจะเปลี่ยนจากกินสัตว์มากินกล้วย เพราะแม้แต่ส.ว.ก็ยังกินกล้วย
ดังนั้นไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอเพราะในแวดวงการเมืองไทยสะกดคำว่า”ตระบัดสัตย์”เป็นอยู่คำเดียว เชื้อชั่วที่หวังให้ตายก็ได้ไปต่อกับการผสมพันธุ์ทางการเมืองแบบ”ฝนตกขี้หมูไหล…..”!!!


