ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เทสโก้ โลตัส ดึงกลุ่มเทสโก้ หนุนพัฒนาสินค้าเกษตรและเอสเอ็มอีไทยเต็มสูบ ล่าสุดลงนาม MoU กับกระทรวงพาณิชย์ ณ กรุงลอนดอน ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เยือนสหราชอาณาจักร ตกลงในความร่วมมือพัฒนาผลิตผลการเกษตร ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นไทย ก่อนนำไปกระจายในตลาดไทยและสู่ตลาดสากล รุกเพิ่มมูลค่าสินค้าแบบบูรณาการ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ลดความเหลื่อมล้ำสร้างความยั่งยืนให้เกษตรกรและเอสเอ็มอีไทย
นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า เทสโก้ โลตัส ได้เน้นการพัฒนาเกษตรกรและเอสเอ็มอีไทยอย่างยั่งยืนนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ด้วยการรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรโดยตรงจากเกษตรกรในประเทศไทยโดยไม่ผ่านคนกลาง ช่วยสร้างรายได้ที่เป็นธรรมและมั่นคงให้กับเกษตรกรเนื่อง และจากการวางแผนรับซื้อผลผลิตล่วงหน้าร่วมกัน จวบจนในปีที่ผ่านมา พ.ศ. 2560 เทสโก้ โลตัส ได้ รับซื้อผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์โดยตรงจากเกษตรกรเป็นปริมาณรวมมากกว่า 200,000 ตัน สอดคล้องกับนโยบายของกลุ่มเทสโก้ ในสหราชอาณาจักรและร้านค้าเครือข่ายอีก 10 ประเทศในยุโรปและเอเชีย ที่มีความมุ่งมั่นสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้า เพื่อนพนักงาน ชุมชน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมท้องถิ่นเสมอมา จนนำมาซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และกลุ่มเทสโก้ เพื่อสนับสนุน พัฒนาเกษตรกรและเอสเอ็มอีไทย ให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน
“กลุ่มเทสโก้ ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกชั้นนำระดับโลก และเป็นค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ และรัฐบาลไทย โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้ตกลงร่วมมือในการพัฒนาสินค้าประเภทอาหาร จากผลิตผลทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ซึ่งเป็นเกษตรกรและธุรกิจเอสเอ็มอีไทย โดยการบูรณาการกระบวนการสร้างคุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำตลอดห่วงโซ่อุปทาน ผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ของเศรษฐกิจไทย อันจะนำมาซึ่งประโยชน์ให้กลุ่มต่างๆ ในสังคม รวมถึงเกษตรกรและธุรกิจเอสเอ็มอีจะได้รับการพัฒนา จนมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนจากการค้าขายกับกลุ่มเทสโก้ ในขณะที่ผู้บริโภคและประชาชนก็จะสามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่เอื้อมถึงได้”
ทั้งนี้ ข้อตกลงในการพัฒนาผลผลิตจากเกษตรกรและเอสเอ็มอีไทยสำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและโอกาสส่งออกไปสู่ตลาดสหราชอาณาจักร และเครือข่ายกลุ่มเทสโก้ 10 ประเทศ ประกอบด้วย ธุรกิจของกลุ่มเทสโก้ในประเทศไทย จะร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรคุณภาพสูงโดยตรงจากเกษตรกร และ/หรือธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิต และให้ราคาที่เป็นธรรมและยั่งยืนต่อผู้ผลิต กลุ่มเทสโก้ จะร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีจริยธรรมเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนและธำรงไว้ซึ่งมาตรฐาน กลุ่มเทสโก้ จะใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทยให้มีมาตรฐานในระดับสากล
ธุรกิจของกลุ่มเทสโก้ในประเทศไทย จะใช้ “ศูนย์นวัตกรรม” (Innovation Centre) ซึ่งตั้งขึ้นตามแนวคิดเดียวกันกับศูนย์นวัตกรรมในสหราชอาณาจักร เพื่อพัฒนาสินค้าประเภทอาหารของไทย ให้มีคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ และมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างสินค้าที่พัฒนาขึ้นจะนำมาจำหน่ายภายในประเทศไทย และกลุ่มสินค้าที่เหมาะสมสำหรับการส่งออก จะได้รับการสนับสนุนเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย ยุโรป และสหราชอาณาจักร ในอนาคต
ร้านค้าของกลุ่มเทสโก้ในทวีปเอเชีย ยุโรป และสหราชอาณาจักร จะให้การสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายสินค้าและจัดกิจกรรมสนับสนุนการขาย สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารของไทยที่ได้รับการพัฒนาร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและทีมงานของเทสโก้สอดคล้องอย่างยิ่งกับ การผลักดันยุทธศาสตร์”ประเทศไทย 4.0” ของกระทรวงพาณิชย์ ในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ ซึ่งการลงนามข้อตกลงดังกล่าวเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนในการเชื่อมโยงศักยภาพของกลุ่มเทสโก้กับการพัฒนาสินค้าเกษตรและเอสเอ็มอีไทย เนื่องจากกลุ่มเทสโก้ เป็นหนึ่งในกลุ่มค้าปลีกชั้นนำของโลก มีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาสินค้าประเภทอาหาร มุ่งเน้นการพัฒนาและจำหน่ายอาหารที่มีคุณภาพสูงในราคาที่เอื้อมถึงได้ รวมถึงมีเครือข่ายร้านค้าสำหรับการขยายตลาดให้เข้าถึงผู้บริโภคใน 10 ประเทศ ทั้งในยุโรปและเอเชีย
ที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ได้ส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดต่างประเทศมาโดยตลอด โดยส่งสินค้าไทยไปจำหน่ายร้านค้าของเทสโก้ที่ตั้งอยู่ใน 10 ประเทศทั่วโลก อาทิ ผลไม้ เนื้อไก่ เนื้อกุ้ง สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสัตว์ เครื่องเขียน ของเล่นเด็ก เป็นต้น โดยในปี พ.ศ. 2559 สินค้าไทยที่ส่งออกไปจำหน่ายที่ร้านเทสโก้ในประเทศอังกฤษ มีมูลค่า 7,700 ล้านบาท
“เทสโก้ โลตัส จะเดินหน้าสนับสนุนเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเราหวังว่าจะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงเพิ่มเติม ให้แก่ผู้ประกอบการและเกษตรกรไทย จากการช่วยเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ” นางสาวสลิลลา กล่าว