สื่อโซเชียล หางอึ่ง..!!!

มานั่งอ่าน ข่าวดูข่าวจากช่องโซเชียล หลายสำนัก รวมถึงรายการข่าวที่นั่งวิพากษ์ กันแบบเอาสนุกปาก เรียกยอดวิว เรียกเรตติ้ง หลงประเด็น รู้น้อย มีอคติกับองค์กรตำรวจ แบบไร้เหตุและผล “ประดู่แดง”เป็นสื่ออยู่ในแวดวงสีกากีมา 20 กว่าปี ก็รู้สึกสะอึกแทนตำรวจ

ทั้งที่ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. ออกมาชี้แจงถึงระเบียบของ พ.ร.บ. ตำรวจ ทั้งกฏ ก.ตร. อย่างตรงไปตรงมา แต่ไม่วาย สื่อจะดราม่ากันต่อ เหมือนจะไม่จบสิ้น มองว่าสื่อเองควรจะทบทวนบทบาทตัวเองด้วย ว่าเคยอ่าน พ.ร.บ. ตำรวจ กฏ ก.ตร.ว่าด้วยการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ การรับบุคคลภายนอกเข้ารับราชการตำรวจ ให้เข้าใจถ่องแท้ แต่กลับเอาความเห็นจากกระแสสังคม กระแสโซเชียล ไม่ยอมเข้าใจที่โฆษก ตร. ออกมาชี้แจง

ที่สำคัญสุด องค์กรตำรวจเองก็ ตกเป็นเครื่องมือของการเมืองโดยมีตำรวจบางนาย(บางนาย)ไปห้อยโหนการเมือง ห้อยโหนสถาบัน เพื่อหวังความเติบโตเจริญก้าวหน้าในยศตำแหน่ง ทุกยุคทุกสมัยการเมืองมักเอาองค์กรตำรวจไปใช้ประโยชน์เพื่อเป็นเครื่องมือทำลายคู่กรณี

ใครหิวแสง ใครอยากดัง ใครจะเรียกยอดวิว เรียกเรตติ้ง ด่าตำรวจ วิจารณ์ตำรวจ แล้วใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการประโคมข่าว ฉีกประเด็นแบบละเอียดยิบ บางครั้งถึงกับเอาอดีตตำรวจ ที่อกหักจากการแต่งตั้งบางนาย อึดอัดกับการบริหารหน่วย ไปนั่งสัมภาษณ์ วิพากวิจารณ์องค์กรตำรวจ ทั้งๆที่ตัวเองในขณะรับราชการการอยู่ ก็ไม่เก่งกาจเป็นที่ยอมรับของผู้ใต้บังคับชา แถมกินเงินเดือนตำรวจอยู่ทุกเดือน “ประดู่แดง”ขอให้คำว่าไอ้เนรคุณ ไม่แรงไปมั่ง.?

ขอถาม นักวิจารณ์ นักแฉที่ดังๆก็มาจากสื่อต่างๆเองนั้นแหละไปให้เครดิตคนพวกนี้ คุณดังได้เพราะสื่อ อย่าลืมตัวซิ องค์กรตำรวจมีระบบกวาดบ้านตัวเองตลอดมา แต่ละปีมีการปลดออก ไล่ออก ติดคุก เห็นได้จากทุกครั้งที่มีการประชุม ก.ตร.แถลงไม่รู้กี่ราย มากกว่าหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยเลย ใครไม่เชื่อลองไปตรวจสอบดูกล้าท้าเลย พอกล่าวแบบนี้ โลกโซเชียลก็คงคิดว่า”ประดู่แดง” คือพวกเชียร์ตำรวจแหงๆ ก็แล้วแต่จะคิดนะไม่ว่า แต่ยืนยันว่าวิพากษ์วิจารณ์บนความมีเหตุผลข้อเท็จจริงล้วนๆ

ถามต่อ ไม่เห็นสื่อโซเชียล สื่อหลักที่มักโชว์เก๋า เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น หน้าไหนกล้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์ “กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กอ.รมน. กระทรวงมหาดไทย รวมถึงกระทรวง ทบวง กรม อื่นๆเลย “ประดู่แดง” ก็มานั่งครุ่นคิดว่าเพราะเหตุใด ก็ถึงบางอ้อ ว่าอ๋อ..!! ถ้าขืนไปวิพากวิจารณ์ เหล่าทัพ หรือ กระทรวง ทบวงอื่น ก็จะโดนแบบ เสธฯแดง ที่ถูกปลิดชีพ กลางม็อบ สื่ออาวุโสคนดังย่านท่าพระอาทิตย์ ที่โดนอาวุธสงคราม จนพรุนไปทั้งรถ แต่เป็นดวงแข็งรอดชีวิต “ประดู่แดง” ชื่นชมทั้งสองท่านว่าใจเกินร้อยที่กล้าวิพากษ์อย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริง

กลับมาที่ สื่อโหมกระหน่ำ แฉยิบย่อย ยับเยิน เคส ผู้กองสาวคนสวย ที่หลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุหรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ชื่อย่อ “กอส” ฟังโฆษก ตร. ชี้แจงก็ครบถ้วนกระบวนความว่าการเข้ารับราชการของตำรวจหญิงรายนี้ แต่สังคมกลับไม่เชื่อถือในองค์กรตำรวจ อธิบายให้ตายคาไมค์สังคมก็ไม่มีใครเชื่อเพราะต้องยอมรับว่ามีตำรวจบางนาย เป็นตำรวจชั่วจริง เลวจริง ก็มันก็ต้องเปิดใจกว้าง ให้ตำรวจดีๆมีพื้นที่ยืนบ้าง เขาจะได้มีกำลังใจทำงาน ทำหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับพี่น้องประชาชน อย่าตีรวมว่าชั่ว ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทีนี้ในฐานะที่”ประดู่แดง”คล่ำหวอดอยู่ในแวดวงตำรวจมาพอสมควร จะแจงให้ฟังเท่าที่พอมีภูมิปัญญาอยู่บ้าง หลักสูตร การรับบุคคลภายนอกเข้าบรรจุตำรวจนั้นมีหลายหลายช่องทาง มีกฎระเบียบไว้ชัดเจน “แล้วการรับบุคคลภายนอกเข้าเป็นตำรวจไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นสมัยที่”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็น ผบ.ตร” แต่มันมีมาตั้งแต่ยุคพระเจ้าเหาแล้ว เพียงแต่เมื่อก่อน ใช้ชื่อหลักสูตรนักเรียนร้อยอบรม (นอร.)

การรับบุคลภายนอกที่เรียนจบปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ หรือสาขารัฐศาสตร์ อย่างเช่น พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต อ.ตร. หรือ อย่าง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามมาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. ซึ่งจริงแล้วในยุค “ผบ.สมยศ” เพียงแค่มีการปรับแก้หลักเกณฑ์ให้รัดกุมแล้วเปลี่ยนชื่อเรียกก็เท่านั้น แต่ต้องยอมรับว่าในยุค”ผบ.สมยศ”ก็รับบุคคลภายนอกซึ่งเป็นลูกข้าราชการตำรวจเป็นหลัก เน้นคุณสมบัติที่ขาดแคลน เช่น ด้านเคมี ด้านชีวะ ด้านคอมพิวเติอร์ ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านหมอ หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไดัประโยชน์คือไม่ต้องเสียงบประมาณ ที่จะต้องมาเปิดคณะต่างๆในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ

“จริงๆแล้วการรับ บุคคลภายนอกเข้ารับราชการตำรวจหลักสูตร กอส.นั้นมีจุดประสงค์เพื่อ ตำแหน่งขาดแคลน ลูกตำรวจหรือทายาทที่พ่อ แม่เสียสละชีพเสียชีวิตเพื่อพิทักสันติราษฎร์ เป็นสวัสดิการปูนบำเหน็จให้กับครอบครัว ซึ่งเป็นอำนาจของ ผบ.ตร. ตามระเบียบข้อกฏหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)เปิดช่องให้”

ในขณะเดียวกัน มี ผบ.ตร. บางนาย(บางนาย)ใช้ช่องทางของกฏหมายมาใช้ประโยชน์ให้กับตัวเองซึ่งเป็นยุคที่รับบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นตำรวจ ว่ากันว่าเป็นหลัก 1,000 นาย จริงเท็จลองไปตรวจสอบย้อนดูเอาเองรู้กันดีว่า อดีต ผบ.ตร.คนนั้นคือใคร.?

โดยสรุปเคส”ผู้กองแคท” คนสวยเนี่ย ดันไปเป็นสาวยุค 5G. ไปพรีเซ็นต์ตัวเองทางโซเชียลมากเกินงามในฐานะข้าราชการตำรวจควรดำรงค์ตนให้เหมาะสม แค่เท่านั้นเอง ฝากเป็นบทเรียนถึงข้าราชการตำรวจนายอื่นๆเป็นการถอดบทเรียน ว่าเราคือข้าราชการตำรวจ ภาพลักษณ์ขององค์กร เป็นเรื่องสำคัญ เพราะองค์กรตำรวจเองมีต้นทุนต่ำ รวมถึงขอฝากถึงรัฐบาลหน้า ให้มีความจริงใจกับการปฎิรูปตำรวจจริงๆไม่ใช่เพื่อเอาตำรวจไปเป็นเครื่องมือใช้ประโยชน์ กับคู่แข่งทางการเมืองเพียงอย่างเดียวเหมือนรัฐบาลทุกยุคที่ผ่านมา ไม่เคยคิดปฎิรูปคุณภาพชีวิตของราชการตำรวจอย่างจริงจัง

“สุดท้ายและท้ายสุดขอฝากอาหารสมองให้กับโลกโซเชียลยุค 5G.อธิบายเรื่องการบรรจุและหลักสูตรเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง”


ประเด็นคือ ต้องแยกเรื่องการบรรจุกับหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อการแต่งตั้งออกจากกัน

1.)​การบรรจุผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาของตำรวาจและสถาบันการศึกษาของรัฐหรือเอกชนภายนอก เข้าเป็นข้าราชการตำรวจ มีหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ต่าง ๆ หลายกรณี เช่น การบรรจุผู้สำเร็จการศึกษาจากหน่วยงานการศึกษาของตำรวจ(โรงเรียนนายสิบ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ) การบรรจุผู้สำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาหรืออนุปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพจากหน่วยงานนอก การบรรจุจ่านายสิบตำรวจและนายดาบตำรวจเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร

2)​การบรรจุตามข้อ 1 จะมีหลายวิธี เช่น การคัดเลือกด้วยวิธีพิจารณาความเหมาะสม การบรรจุด้วยวิธีการประเมินหรือวิธีสอบ การสอบแข่งขัน การขอตัวจากบัญชี ก.พ. เพื่อบรรจุด้วยวิธีการคัดเลือก ฯลฯ

3)​เมื่อนำประเภทของการบรรจุมารวมกับวิธีการบรรจุ ก็จะได้แนวทางปฏิบัติ เช่น การคัดเลือกจ่านายสิบตำรวจและนายดาบตำรวจ เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรชั้นประทวนเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการชั้นสัญญาบัตร จะเห็นว่า ใช้วิธีการบรรจุ จ.ส.ต. และ ด.ต. เป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรด้วยวิธีการคัดเลือกสำหรับผู้มีอายุมากๆ หรือ ด้วยวิธีการสอบแข่งขันสำหรับผู้ที่อายุยังไม่มาก ซึ่งใช้วิธีการที่แตกต่างกันเนื่องจากวัยวุฒิ

4)​ ส่วนเรื่องหลักสูตรชื่อ ต่าง ๆ เป็นเรื่องของการศึกษาและการฝึกอบรม ซึ่งบางหลักสูตรก็เป็นเงื่อนไขของการแต่งตั้ง เช่น หลักสูตรการอบรมบุคคลภายนอกที่บรรจุหรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร(กอส.) เป็นหลักสูตรเตรียมความพร้อมให้กับบุคคลภายนอกที่บรรจุหรือโอนมาด้วยวิธีการต่าง ๆ ตามข้อ 2 หรือโอนมาตามความต้องการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลักสูตรการอบรมบุคคลภายใน(ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน) เป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร(กอน.) เป็นหลักสูตรการอบรมข้าราชการตำรวจประทวนเป็นข้าราชการตำรวจสัญญาบัตร การอบรมผู้มีคุณวุฒิรัฐศาสตรบัณฑิตและนิติศาสตรบัณฑิตเป็นข้าราชการตำรวจสัญญาบัตรก็เป็นการอบรมบุคคลภายนอกที่มีคุณวุฒิและสอบแข่งขันเข้ามารับราชการในกรมตำรวจ(ชื่อเดิม) เป็นข้าราชการตำรวจสัญญาบัตรก็จะมีชื่อแรกหลักสูตรที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคเวลา

ทั้งหมดข้างต้นมีกฎหมาย กฎ ระเบียบที่รองรับไว้การดำเนินการที่เกี่ยวข้องไว้จำนวนมาก ที่เขียนมาเป็นเพียงคำอธิบายซึ่งอาจไม่ถูกต้องเป๊ะ ๆ ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ แต่เป็นการอธิบายเพื่อให้เห็นภาพว่า วิธีการที่ใช้ในการบรรจุบุคคล และหลักสูตรการฝึกอบรม เป็นคนละเรื่องกัน หากจะตำหนิติติงก็ควรทำความเข้าใจให้ถูกเรื่องถูกราวซึ่งจะเป็นการติที่มีพื้นฐานมาจากความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ พูดถึงหลักสูตร กอส. ก็เป็นหลักสูตรที่เป็นประโยชน์ทำให้ ตร. สามารถบรรจุบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณวุฒิที่หายาก เข้ามารับการอบรมเพื่อแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจสัญญาบัตร หรือบางคุณวุฒิแม้จะแต่งตั้งว่าที่ยศระดับสัญญาบัตรเลย แต่ก็ต้องไปผ่านการฝึกอบรมเพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชนในหมวกของข้าราชการตำรวจนอกเหนือจากหมวกตามวิชาชีพของตนเอง เช่น แพทย์ เภสัชกร ทันตแพทย์ นักเทคนิคการแพทย์ สัตวแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร สถาปนิก นักเก็บกู้วัตถุระเบิด ฯลฯ ได้

ส่วนเรื่องการครองยศ ครองตำแหน่งยิ่งเป็นคนละเรื่องกับหลักสูตรการฝึกอบรม เทียบกับข้าราชการพลเรือนสามัญ ผู้ที่จบปริญญาเอก ปริญญาโท ประกาศนียบัตรบัณฑิต ปริญญาตรี ก็มีเงื่อนไขการบรรจุและระยะเวลาการครองตำแหน่งที่แตกต่างกัน เช่น ก่อนปี 2551 จบปริญญาตรีบรรจุซี 3 ผ่านไป 2 ปีประเมินเป็นข้าราชการซี 4 แต่ถ้าจบปริญญาโท บรรจุซี 4 ผ่านไป 2 ปี ประเมินเป็นข้าราชการซี 5 จุดตั้งต้นไม่เท่ากัน การเลื่อนระดับตำแหน่งก็ไม่เท่ากัน ส่วนตำรวจเป็นข้าราชการมีชั้นยศ จะปริญญาอะไรก็ต้องมาตั้งต้นที่ ร.ต.ต. แต่การเลื่อนยศ ก็จะมีระยะเวลาที่แตกต่างกันไปเช่นเดียวกันสำหรับผู้ที่มีคุณวุฒิต่างกัน แต่ก็แค่ในระดับรองสารวัตรเท่านั้น ใครจะใช้เวลาในการครองยศกี่ปีขึ้นอยู่กับคุณวุฒิที่สำเร็จการศึกษาและใช้เป็นคุณวุฒิบรรจุไม่เกี่ยวกับหลักสูตรการฝึกอบรมเช่นเดียวกัน นะจ๊ะ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img