วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) น.ส.วนัชพร คำเจริญ หรือเฟิร์ท อายุ 19 ปี ดาว tiktok พร้อมด้วยผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ เดินทางมาร้องเรียนถึงพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติ์ประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้ช่วยติดตามความคืบหน้าของคดีเนื่องจากถูกบุคคลแอบอ้างเป็นทนายความหลอกลวงสูญเงินรวมมูลค่าเสียหายสูงกว่าล้านบาท โดยมีพ.ต.อ.เรวัต หัสเสนะ รองผู้บังคับการ กองตำรวจสื่อสาร (รองผบก.สส.) นายตำรวจเวรอำนวยการเป็นตัวแทนรับเรื่อง
ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2565 ผู้เสียหายได้เดินทางไปที่กองกำกับการ 2 กองบังคับการกองปราบ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับน.ส.ศวรรยา (สงวนนามสกุล) ในความผิดฐาน ฉ้อโกง โดยอ้างว่าเป็นเงินค่าใช้จ่ายในการทำ การตลาด รวมค่าเสียหาย จำนวน 832,900 บาท ซึ่งคดีได้เกิดขึ้นในท้องที่ตำบลหนองเต่า อำเภอ บ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี และให้ดำเนินคดีกับนายพฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) โดยแอบอ้างเป็นทนายความ หลังจากการตรวจสอบพบว่าไม่ได้เป็นทนายความจริง ทำให้ได้รับความเสียหายโดยอ้างว่าเป็นค่าทนายความและค่าดำเนินการในการว่าความ รวมเป็นเงินจำนวน 199,000 บาท ซึ่งคดีนี้ได้เกิดขึ้นในท้องที่ตำบลคลอง สอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวนจากกองปราบปรามว่าคดี ดังกล่าวได้อยู่ในความดูแลของสถานีตำรวจเจ้าของพื้นที่เป็นผู้ดูแลและดำเนินการในการสอบสวนต่อไป ทำให้ปัจจุบันคดีดังกล่าวยังไม่ได้รับความคืบหน้าจากการดำเนินคดี และผู้กระทำผิดยังไม่ได้รับโทษ ทั้งที่ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องคือ สถานีตำรวจในพื้นที่ตำบลหนองเต่า และสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ยังมิได้ดำเนินการใดๆ ในทางคดี จึงขอให้ผบ.ตร.มีคําสั่งในการดำเนินการสอบสวนและจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีเพื่อรับโทษทางกฎหมายต่อไป
น.ส.วนัชพร กล่าวว่า เมื่อปี 2565 ตนรู้จักกับหญิงสาวคนหนึ่ง อายุ 22 ปี แต่ตัวจริงอายุ 16 ปี แอบอ้างว่าเป็นนายหน้าหาบ้านที่ภูเก็ต ซึ่งตนก็พูดคุยสนิทสนมกันดี จนกระทั่งตนต้องการจะฟ้องหมิ่นประมาทกับบัญชีอวตาร บุคคลคนนี้ก็อ้างว่า ตนรู้จักกับทนายความที่ฟ้องคดีหมิ่นประมาทได้ แต่ขอเรียกค่าคดี 515,000 บาท เพื่อไปติดต่อกับทนาย สุดท้ายทราบภายหลังว่าหญิงคนนี้ไม่ได้รู้จักกับทนายความจริงๆ แล้วหลบหนีปิดเฟซหายไปไม่สามารถติดต่อได้ อีกทั้งยังถูกหญิงคนนี้โกงค่าหาบ้านในภูเก็ตอีก 50,000 บาทด้วย
ต่อมาตนจึงได้ติดต่อกับชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นทนายความ เพื่อดำเนินการฟ้องร้องกับหญิงคนแรกในข้อหาฉ้อโกง ซึ่งตนไม่ทันได้ตรวจสอบและหลงเชื่อ จึงตกลงรับว่าความปรากฎว่า ชายคนนี้นั้นเป็นทนายปลอม ซึ่งได้แอบตัดต่อบัตรทนายความโดยใช้บัตรของทนายตัวจริงมาแอบอ้าง อีกทั้งยังถูกชายคนนี้หลอกให้ดาว tiktok คนนี้ทำการตลาดด้วยการยิงโฆษณาบริษัทธุรกิจของอีกกว่า 900,000 บาท ตกมูลค่าความเสียหายที่ถูกทั้งสองคนหลอกลวงไปมากกว่า 1,600,000 บาท