ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. และอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย เดินทางมายื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล โดยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ระบุเกี่ยวกับกรณีที่คู่สมรสนายดอน ปรมัตถ์วินัย ถือหุ้นในบริษัทเกินร้อยละ 5 โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยและลงความเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ มีเหตุที่อาจพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นการเฉพาะตัวนั้น ว่า มีนักกฎหมายหลายคนออกมาแสดงความเห็นเพื่ออุ้มนายดอนโดยไม่ดูข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ครบถ้วน ทั้งที่ในอดีตมีรัฐมนตรีโดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งกรณีคู่สมรสถือหุ้นเกินร้อยละ 5 มาแล้ว เช่น คำวินิจฉัยที่ 9/2551 ที่มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายคล้ายกับกรณีนี้มาก แต่นักกฎหมายกลับมองข้าม ไม่ยกมาเทียบเคียง เรื่องนี้ไม่ใช่แค่นายดอนจะพิจารณาตัวเองอย่างไร แต่ตนจะไปเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องพิจารณา เพื่อสั่งพักงานหรือให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนด้วย เพื่อให้สังคมได้ติดตามดูว่านายกรัฐมนตรีจะทำอย่างไรกับคนในรัฐบาลเอง โดยไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งตามมาตรา 82 วรรคสอง

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า เรื่องการถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์นั้นทำไม่ได้ รัฐบาลและคณะรัฐมนตรี(ครม.)ก็ทราบในข้อกฎหมาย เพราะมีการออกหนังสือเวียนโดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2560 ที่ผ่านมา เรื่องการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อีกทั้งมีการลงมติครม.รับทราบเรื่องนี้ในวันที่ 4 เม.ย. 2560 ตนจึงนำเรื่องนี้มาถาม พล.อ.ประยุทธ์และครม.ว่าจะยืนอยู่อย่างไร ทำไมไม่ปฏิบัติเหมือนรัฐมนตรี 3 คนในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ถูก ป.ป.ช.ตรวจสอบพบว่าถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่ นายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสิทธิชัย โภไคยอุดม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที และนางอรนุช โอสถานนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งขณะนั้นทั้ง 3 คนก็แสดงสปิริตลาออก

นายเรืองไกร กล่าวด้วยว่า ส่วนที่นายดอน บอกว่า ผ่านมา 37 ปีไม่เคยแตะต้องเรื่องหุ้น ตนว่าไม่ใช่ เพราะล่าสุดทราบว่า มีการโอนหุ้นให้เหลือแค่ 4 เปอร์เซ็นต์ มองอย่างไรก็ไม่ทันการ จึงขอเรียกร้องพล.อ.ประยุทธ์ให้ดำเนินการให้ถูกต้องเพื่อความสง่างาม และขอให้ยึดถือการกระทำสมัยพล.อ.สุรยุทธ์ เป็นหลัก