หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม"ผู้บัญชาการภาค 7" ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยม สภ.ท่ายาง กำชับปฎิบัติหน้าที่ ตามนโยบายเชิงรุกของ ตร.ในทุกมิติ

“ผู้บัญชาการภาค 7” ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยม สภ.ท่ายาง กำชับปฎิบัติหน้าที่ ตามนโยบายเชิงรุกของ ตร.ในทุกมิติ

วันที่ 28 พ.ย. 65 ที่ สภ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่าได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม สภ.ท่ายาง ภ.จว.เพชรบุรี และตรวจเครื่องแบบ ทรงผม กำลังพล พบว่าถูกต้องตามระเบียบ มีระเบียบวินัยดี ที่ทำการมีความสะอาดเรียบร้อย มีจุดคัดกรองโรค มีหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ไว้บริการ มีที่จอดรถสำหรับประชาชนที่มาติดต่อราชการ ไว้เพียงพอโดยในการนี้ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่ข้าราชการตำรวจในสังกัด สภ.ท่ายาง ได้แก่ น้ำดื่ม 20 แพ็ค,ข้าวสารถุงละ 5 โล 20 ถุง,หน้ากากอนามัย 500 อัน,เจลแอลกอฮอล์ 5 ลัง,คาราบาวแดง 4 ลัง,มาม่า 2 ลัง,น้ำตาล 10 โล,ผลไม้กระป๋อง 1 ลัง,เชลไดร์ 1 ลัง,รองเท้าผู้ชาย 40 คู่,รองเท้าผู้หญิง 30 คู่,รองเท้าเด็ก 20 คู่,พัดลม 14 นิ้ว 3 ตัว

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า จากนั้นเป็นประธานในการประชุม “มอบนโยบายการบริหารราชการให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัด สภ.ท่ายาง”โดยมี พ.ต.อ.กานต์ ธรรมเกษมรอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.โชคชัย เนียลเซ็นผกก.สภ.ท่ายาง คณะกต.ตร.สภ.ท่ายางและข้าราชการตำรวจ สภ.ท่ายาง รอรับการตรวจและเข้าร่วมการประชุมโดยได้กำชับให้ปฏิบัติดังนี้(1.)นำนโยบายรัฐบาล วิสัยทัศน์ ผบ.ตร. “เป็นตำรวจมืออาชีพ ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน” วิสัยทัศน์ตำรวจภูธรภาค 7 “ภักดีองค์ราชันมุ่งมั่นสร้างศรัทธา พัฒนาเป็นมืออาชีพ บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม นำสมัย เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา” และวิสัยทัศน์ ผบช.ภ.7 “ทำงานเชิงรุก เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชน” ไปปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม(2.)ต้องทำงานกันเป็นทีม ยึดมั่นในระเบียบวินัย บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน และดำรงตนอย่างมีเกียรติ(3. )การทำงานต้องประกอบด้วย “เกาะติดพื้นที่ เกาะติดประชาชน/มวลชน/และชุมชน เกาะติดคนร้ายหรือเกาะติดศัตรูของประชาชน และเกาะติดผู้ใต้บังคับบัญชาหรือเกาะติดลูกน้อง,ยกระดับองค์ความรู้ ยกระดับวิธีคิด ยกระดับวิธีการทำงาน และ ยกระดับการใช้ดุลพินิจ,ทำงาน ทำดี ทำบุญ และมีภาวะผู้นำ,Smart Smile Strong

ทั้งกำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติ และพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชา ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ คำสั่ง แบบแผนธรรมเนียมของทางราชการอย่างสม่ำเสมอโดยใกล้ชิด และสร้างขวัญกำลังใจ ความสามัคคี ภาพลักษณ์ของตำรวจให้ดีขึ้น และสร้างความเชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชนเพื่อให้ยอมรับว่าข้าราชการตำรวจเป็นมิตรที่ดีของประชาชน เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริงตามคำสั่งกรมตำรวจ ที่ 1212/2537 ลง 1 ต.ค. 2537 เรื่อง มาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ พร้อมทั้งให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ตรวจสอบควบคุมกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การกระทำความผิดใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ห้ามมิให้เรียกรับผลประโยชน์ การจับกุมในลักษณะกลั่นแกล้ง มีส่วนพัวพันกับการกระทำความผิด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต หากพบว่ามีการกระทำความผิดให้ดำเนินการทางวินัย คดีอาญาและปกครองอย่างถึงที่สุด และได้กำชับให้มีการฝึกทบทวนทางยุทธวิธีทั้งฝ่ายป้องกันปราบปรามและฝ่ายสืบสวนเป็นประจำสม่ำเสมอ ให้เกิดความคุ้นชินเมื่อต้องปฏิบัติ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความสูญเสียแก่เพื่อนพี่น้องข้าราชการตำรวจ

ในกรณีประชาชนร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนรำคาญ จากการแข่งรถในทาง สถานบันเทิงเปิดเพลงเสียงดัง หรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใส่ใจที่จะแก้ปัญหาการร้องเรียนดังกล่าว อย่าปล่อยปละละเลย จนเกิดการร้องเรียนซ้ำซาก และอย่าให้มีการนำเสนอข่าวว่า “ตำรวจไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน”-ปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ เป็นภารกิจเร่งด่วนของ ผบ.ตร. ให้ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีรูปแบบต่าง ๆ ให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อ หากพบการกระทำความผิดดำเนินการบังคับใช้กฎหมายให้ถึงที่สุด

ปัญหายาเสพติดเป็นภารกิจเร่งด่วนของ ผบ.ตร. มุ่งเน้นใช้วิธีการบำบัดยาเสพติดต่อผู้เสพ เพื่อคืนคนดีสู่สังคมตามนโยบายรัฐบาล โดยปฏิบัติการเชิงรุกซักถามถึงแหล่งที่มาและเครือข่าย เพื่อจัดทำฐานข้อมูลในการติดตามจับกุมและขยายผลต่อไป พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสายงาน สำรวจจัดทำข้อมูลบุคคลในพื้นที่ที่มีอาการทางจิต และมีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมประสานความร่วมมือหน่วยงานอื่น เฝ้าระวังบุคคลเหล่านี้ มิให้ก่อเหตุอาชญากรรมและให้หัวหน้าสถานีมีการตรวจคลังอาวุธและเรียกตรวจสอบอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่เบิกไปใช้เป็นระยะ เพื่อมิให้เกิดการนำเอาอาวุธปืนหลวง ไปขาย หรือจำนำ หรือตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น ก่อเหตุอาชญากรรม ,เน้นย้ำให้มีความรักความสามัคคีในองค์กร หมู่คณะ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของตำรวจให้ดีขึ้น และสร้างความเชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชนเพื่อให้ยอมรับว่าข้าราชการตำรวจเป็นมิตรที่ดีของประชาชน เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง “ผบช.ภ.7 กล่าว”

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img