วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบกซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการได้เข้าร่วมการประชุมผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียน ครั้งที่ 23 (23rd ASEAN Chiefs of Army Multilateral Meeting : ACAMM) ณ กรุงฮานอย โดยกองทัพบกเวียดนามเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้การประชุมผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียนมีรูปแบบการประชุมแบบพหุภาคี จัดขึ้นตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ในห้วงเวลาเดียวกับการทดสอบยิงปืนทางยุทธวิธีกองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียน (AARM) ในลักษณะ 10 ประเทศสมาชิกหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ
ผู้บัญชาการทหารบกได้รับโอกาสขึ้นกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่อผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียนในหัวข้อ“การร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นของกองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อสันติภาพ” (ASEAN Armies Cohesively Collaborate for Peace) นี้โดยผู้บัญชาการทหารบกระบุถึงความร่วมมือของมิตรประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่ร่วมกันคลี่คลายสถานการณ์ที่ท้าทายจากโควิด-๑๙ จนสามารถช่วยให้ประชาชนของทั้ง 10 ประเทศ กลับมาดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพได้ตามปกติ และยังได้กล่าวถึงความร่วมมือตามหลักการอาเซียนเป็นศูนย์กลาง (ASEAN Centrality) ในด้านความมั่นคงของภูมิภาค รวมทั้งความร่วมมือเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพ (Peace and Stability) ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ผ่านกลไกความร่วมมือทางทหาร, การพบปะพัฒนาสัมพันธ์ และเสริมสร้างความร่วมมือในการรองรับสถานการณ์และแก้ไขปัญหาภัยคุกคามรูปแบบใหม่ อาทิ สภาพอากาศ, โรคระบาด, ภัยพิบัติทางธรรมชาติ, ยาเสพติด, อาชญากรรมข้ามชาติ และการค้ามนุษย์
นอกจากนี้ผู้บัญชาการทหารบกยังได้กล่าวถึงบทบาทของกองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียนในการยกระดับขีดความสามารถทหารหญิงตามแนวคิด “สตรี-สันติภาพ-ความมั่นคง” (Women, Peace and Security : WPS) ซึ่งกองทัพไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญในการเพิ่มบทบาททหารหญิงในการมีส่วนร่วมในภารกิจต่างๆ อาทิ การรักษาสันติภาพ, การปฏิบัติงานระดับฝ่ายอำนวยการประจำกองบัญชาการและกองอำนวยการต่างๆในส่วนของกองทัพบกไทยได้มีนโยบายเพิ่มสัดส่วนทหารหญิงทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพพร้อมกำหนดเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญด้านกำลังพลเพื่อเพิ่มโอกาสให้ทหารหญิงได้ปฏิบัติงานด้านความมั่นคงทั้งภายในประเทศและในระดับสากล
ในช่วงท้ายของการประชุม ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวถึงความพร้อมในความร่วมมือทั้งในรูปแบบทวิภาคีและพหุภาคีกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือต่างๆ อย่างเต็มขีดความสามารถ อาทิ การอบรมสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์, การฝึกร่วมเตรียมรองรับภัยคุกคาม, ต่อต้านการก่อการร้าย, ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ, การช่วยเหลือประชาชนและบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น
การเข้าร่วมประชุมผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียนในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และสานต่อความร่วมมือระหว่างมิตรประเทศ ทั้งในงานด้านความมั่นคง การพัฒนากำลังพล และการช่วยเหลือประชาชนถือเป็นการสร้างความเข้มแข็งและเสถียรภาพในภูมิภาค เพื่อความเจริญมั่นคงของอาเซียนในภาพรวม ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารได้ร่วมในพิธีส่งมอบการเป็นเจ้าภาพประชุมผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียนครั้งที่ ๒๔ (ACAMM 2023) โดยกองทัพบกไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในห้วง พฤศจิกายน 2566