แอมเนสตี้ทวงสัญญาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องปฏิบัติตามคำสัญญาที่ว่าจะยกเลิกคำสั่งห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองในเดือนมิถุนายน 2561 นอกนั้นยังต้องยกเลิกกฎหมายและคำสั่งอื่นๆ ที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนด้วย
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์ในวันครบรอบ 4 ปีของการรัฐประหารระบุว่า ใกล้ถึงวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องปฏิบัติตามคำสัญญาที่จะยกเลิกคำสั่งห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองในเดือนมิถุนายน 2561 ซึ่งเป็นคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
แคทเธอลีน เกอร์สัน (Katherine Gerson) เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวว่า คำสั่งของ คสช. ที่ออกมาตั้งแต่หลังการทำรัฐประหารเป็นการจำกัดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางและปราศจากความชอบธรรมอย่างสิ้นเชิง มาตรการพิเศษนี้ควรนำมาใช้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ผ่านมาสี่ปีแล้วคำสั่งเหล่านี้ยังคงถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่องและเคร่งครัดโดยทางการ ซึ่งส่งผลให้มีการปฏิบัติมิชอบจำนวนมาก
“หลังเลื่อนคำสัญญามาหลายครั้ง ถึงเวลาแล้วที่ คสช.จะต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ในการยกเลิกคำสั่งห้ามการจัดกิจกรรมทางการเมืองภายในเดือนมิถุนายนนี้ แต่เฉพาะการกระทำเช่นนี้ถือว่ายังไม่เพียงพอ จะต้องยกเลิกกฎหมายและคำสั่งอื่นๆ ที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนอย่างสงบด้วย”
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังระบุเพิ่มเติมว่า คสช. จะต้องยกเลิกกฎหมายที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกอย่างสงบของประชาชนอย่างเร็วที่สุด โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายและคำสั่งที่เป็นเผด็จการที่พุ่งเป้าไปที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักกิจกรรมและฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองซึ่งใช้สิทธิมนุษยชนของตนที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก การสมาคมและการชุมนุมอย่างสงบ ประชาชนหลายร้อยคนไม่ควรถูกดำเนินคดีอาญาเพียงเพราะการแสดงความเห็นและเข้าร่วมการประท้วงอย่างสงบ
ขอบคุณข้อมูล: แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)