ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป.พร้อมคณะ ร่วมกับ พล.ต.คณิศร สุนทรธีมากร ผู้ช่วยผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย คสช.แถลงข่าว กรณีที่ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย นำกำลัง พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดมีนบุรี เข้าตรวจบ้านเลขที่ 265/154 หมู่บ้านสีวลีรามคำแหง ถนนราษฎร์พัฒนา (ซอยมิสทีน) แขวงและเขตสะพานสูง กทม.ภายหลังสืบทราบว่า บุคคลที่พักอาศัยอยู่ในบ้านดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินงบประมาณเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือคดีเงินทอนวัด โดยพบว่ามีการโอนเงิน 25 ล้านบาท มายังบัญชีธนาคารของ น.ส.นุชรา สิทธินอก อายุ 32 ปี
ทั้งนี้ จากการตรวจค้นบ้านพักหลังนี้ พบว่ามี ร.ท.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา ทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นเจ้าของบ้าน รวมทั้ง น.ส.นุชรา ตรวจสอบพบตู้เซฟ 3 ใบ อาวุธปืนยาว 4 กระบอก ได้แก่ ปืนลูกซอง 3 กระบอก และปืนลูกกด 1 กระบอก , ปืนสั้น 18 กระบอก ขนาด 9 และ 11 มม.พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาดต่างๆ รวม 1,005 นัด รวมทั้งทองรูปพรรณ แหวนเพชร และทรัพย์สินมีค่าต่างๆ หลายรายการ , เอกสารเกี่ยวกับธุรกรรมการเงิน และเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดอาวุธปืนและของกลางทั้งหมด ไว้ตรวจสอบที่มาที่ไป ก่อนสืบสวนขยายผลทางคดี
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า จากการประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่าอาวุธปืนทั้งหมดมีทะเบียนถูกต้อง แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบการครอบครองว่าถูกต้องหรือไม่ ส่วนกล้องเล็งไม่เข้าข่ายเป็นยุทธภัณฑ์ แต่สำหรับใบ ป.4 อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ขณะนี้ได้มอบหมายให้ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานกรณีการครอบครองอาวุธปืนทั้งหมดนั้นเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล เพื่อพิจารณาขออำนาจศาลออกหมายจับต่อไป
รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับความเกี่ยวพันกับคดีเงินทอดวัด นั้น ก็ยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน หากมีผู้ใดเกี่ยวข้อง ก็จะพิจารณาดำนินคดีทั้งหมด โดยรายละเอียดต่างๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเกรงจะกระทบกับสำนวนคดี แต่ขณะนี้ทางฝ่ายความมั่นคงจะมุ่งเน้นการตรวจสอบในประเด็นการครอบครองอาวุธปืนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ถูกใช้งานในเหตุการณ์ใดหรือไม่ โดยยืนยันว่าจะต้องมีการพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีอย่างแน่นอน
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดี ในส่วนของ ร.ท.ฐิติทัศน์ เนื่องจากเป็นข้าราชการ หากพบประเด็นใดที่เข้าข่ายความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ก็จะต้องส่งเรื่องให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ดำเนินการต่อไป ซึ่งหลักๆ แล้วที่ตนมาดำเนินการในวันเดียวกันนี้ เป็นเพราะมีการพบอาวุธปืนจำนวนมากจึงต้องมีการตรวจสอบเพราะอาจเกี่ยวพันกับคดีความมั่นคง
ด้าน พล.ต.คณิศร เปิดเผยว่า ในส่วนของกฎหมายก็คงเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการไป และยังต้องผลการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ส่วนทางวินัยยังไม่ได้มีการพิจารณา สำหรับกรณีการครอบครองอาวุธปืนที่มีจำนวนมากนั้น ก็ไม่สามารถระบุหรือจำกัดได้ ว่าเจ้าหน้าที่ทหาร ต้องมีอาวุธอยู่ในครอบครองเท่าใด เพียงแต่ว่าหลังจากนี้ เมื่อมีหลักฐานปรากฏเช่นนี้ ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนจะตรวจสอบที่มาที่ไป ว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะไม่มีข้อกำหนดด้วยว่าต้องครอบครองปืนได้เท่าใด แต่ภารกิจของทหารสังกัด ศรภ.ก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนมากขนาดนี้