ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงการออกหมายเรียก พ.ต.อ.(พิเศษ) สมชาย ประยูรรัตน์ บิดาของ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผกก.สันติบาล ผู้ต้องหาคดีร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้ค้าในตลาดใหม่ดอนเมือง ว่า เป็นการออกหมายเรียกเพื่อให้เข้าให้ถ้อยคำ ฐานให้ที่พักพิงผู้ต้องหา ซึ่ง สน.โชคชัยก็ดำเนินการไปตามขั้นตอนกฎหมาย อาจจะขัดต้อความรู้สึกบ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรซ่อนเร้น เป็นเพียงการเชิญมาให้ถ้อยคำ เพื่อให้สิ้นกระแสความ ไม่ได้เป็นการทำเกินกว่าเหตุ ตอนนี้สังคมอาจรู้สึก หรือแม้แต่ พ.ต.อ.(พิเศษ)สมชาย ซึ่งอายุมากแล้วอาจรู้สึก แต่เชื่อว่าท่านเป็นตำรวจ ท่านเข้าใจว่าตำรวจ สน.โชคชัย ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เป็นประโยชน์ด้วยซ้ำ หากมาให้ข้อมูลแล้วพบว่าไม่ได้มีพฤติการณ์ในลักษณะที่ผิดกฎหมายให้พักพิงผู้ต้องหา ก็ไม่ต้องแจ้งข้อกล่าวหาอะไร
สำหรับกรณีที่ ภรรยาของ พ.ต.ท.สันธนะ ร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าได้รับผลกระทบจากการค้นคอนโดมิเนียม ผบ.ตร.กล่าวว่า การเข้าค้นเป็นไปตามขั้นตอน มีหมายต้น ส่วนการไปร้องต่อหน่วยงานใด ก็เป็นสิทธิ์
เมื่อถามถึงการมีชื่อเป็น 3 นายพล ที่ พ.ต.ท.สันธนะ จะฟ้องร้อง และระบุว่าเป็นคู่ขัดแย้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดเรื่องนี้ ใครๆก็ฟ้องตนได้ โดยตำแหน่งตนตกเป็นจำเลยที่ 2 บ่อยครั้งอยู่แล้ว มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นจำเลยที่ 1 ส่วนเรื่องที่กล่าวหาเป็นคู่ขัดแย้งไม่ขอตอบ
เมื่อถามว่า ตามหนังสือร้องเรียนของ พ.ต.ท.สันธนะ พุ่งตรงมาที่ตัว ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่าก็ไม่เป็น “ผมก็ต้องอดทน ใครๆก็ฟ้องผมได้ ก็ต้องอดทน ใครๆก็เชื่อมโยงผมได้ก็ต้องอดทนนะครับ” ผบ.ตร.กล่าวและว่า หลังจากที่ พ.ต.ท.สันธนะ โทรศัพท์หา เมื่อสัปดาห์ก่อน ก็ไม่โทรมาอีกเลย ตนก็เปิดโทรศัพท์มือถืออยู่ เรื่องนี้ขอพูดเท่านี้อย่างไรก็ตามส่วนตัวไม่ฟ้องกลับ เช่นเดียวกับการพาดพิงสร้างความเสียหายให้องค์กรตำรวจในฐานะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ไม่คิดฟ้องร้องเช่นกัน