ที่อาคารอเนกคุณาคาร มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ว่า การที่รัฐบาลลงมาในพื้นที่ต่างจังหวัดไม่ได้ลงมาเพื่อรับคำขอ และรัฐบาลก็ทำการบ้านก่อนมาตลอด เราจะยึดหลักการเหตุผลและความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ และต้องตัดสินใจให้รอบคอบว่าจะใช้งบประมาณส่วนใดที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เรามีแผนงานของรัฐบาลอยู่แล้ว และให้พื้นที่เสนอความต้องการขึ้นมาสิ่งให้ที่ตรง มีงบประมาณเพียงพอ ก็สามารถทำให้ได้ทันที ส่วนสิ่งใดที่ยังไม่ตรงก็ต้องมีการหารือและปรับ ซึ่งทุกเรื่องจะต้องเข้าสู่ที่ประชุมและเป็นมติของ ครม.ว่าจะอนุมัติหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อการเมือง หรือเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง หรือตนไม่ต้องลงไปได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ แม้จะมีแผนงานแล้วก็ตาม แต่ก็อยากเห็นด้วยตาตัวเอง เพราะกลัวข้อมูลจะไม่เพียงพอและในแต่ละพื้นที่ก็ไม่สามารถใช้มาตรฐานเดียวกันได้จึงขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้มาเพื่อการเมือง การเมืองคือการทำเศรษฐกิจ สร้างสภาวะแวดล้อมให้มั่นคงปลอดภัย
“ดังนั้น การเดินทางมาประชุม ครม.ในครั้งนี้ไม่ใช่ลงมาเพื่ออนุมัติงบประมาณ 10,000-20,000 ล้าน อย่างที่มีการกล่าวอ้าง ขอให้ทุกคนได้ใช้สติปัญญาใคร่ครวญด้วย ไม่ใช่อะไรก็การเมืองทั้งหมด เพียงแต่ช่วงนี้เป็นการเดินหน้าสู่เรื่องของการเลือกตั้ง หลายคนจึงมองว่าเป็นงานการเมือง การที่รัฐบาลเดินทางมานี้ มุ่งหวังจะไปให้ครบทุกจังหวัด แม้จะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็เลือกไปให้ครบทุกกลุ่มจังหวัดก่อน ยืนยันว่ารัฐบาลต้องการไปทุกจังหวัดเพื่อรับฟังความต้องการของประชาชนโดยตรง สอดคล้องกับแผนที่รัฐบาลมีอยู่ในมือและที่ผ่านมาใน 4 จังหวัด 4 ปี รัฐบาลใช้เงินเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำประมาณ 3,000 ล้านบาท และปีนี้เสนอมาอีกพันกว่าล้านก็น่าจะอนุมัติให้ได้ เพราะตรงกับแผนงานของรัฐที่วางไว้และตรงกับความต้องการของประชาชน จะเห็นได้ว่าไม่ใช่ว่าลงมาแล้วเขาขออะไรรัฐบาลก็ให้โดยคิดไม่เป็น รัฐบาลมีความตั้งใจดี อยากจะให้ทุกอย่าง แต่ต้องดูว่างบประมาณเราเพียงพอหรือไม่ เพราะเราไม่ต้องการเอาเงินอนาคตมาใช้ เพราะจะมีปัญหาในเรื่องหนี้สาธารณะ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยอมรับว่า การมาบุรีรัมย์ครั้งนี้เป็นประเด็นทางการเมืองว่ามาพบกับคนนั้นคนนี้ ยืนยันว่าการที่ตนจะไปพบใครที่ไหนอย่างไร หรือจะพูดจากับประชาชนในสถานที่แห่งไหน ทางจังหวัดและเจ้าหน้าที่เป็นผู้เตรียมการทั้งหมด ตนไม่ได้สั่งการว่าจะเป็นที่นี่ที่นั่น เจ้าหน้าที่เขาจะต้องดูว่าความพร้อมมีที่ไหนก็จะเชิญไปที่นั่น “ผมพร้อมจะพบกับคนทุกที่ และผมไม่ได้พบกับใครเป็นการส่วนตัว ไม่ได้พบใครในที่รโหฐาน ทุกคนสามารถถ่ายรูปได้มากมายก็จะเห็นว่าผมไม่ได้ไปแอบพบแอบคุยกับใคร และไม่มีการคุยเรื่องการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ผมถือว่าวันนี้เราต้องหาความร่วมมือในเรื่องการปฏิรูปประเทศ ในการทำงานเพื่อประชาชนในอนาคตให้ได้โดยเร็ว ทำความเข้าใจในเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติ ความมั่นคง การสนับสนุนมาตรการในการแข่งขัน รวมทั้งการพัฒนาในด้านต่างๆ เรื่องเหล่านี้เราต้องมีหลักการในการทำงาน และถึงผมมาแล้วไม่มีใครรับ ผมก็มา ที่ไหนไม่มีคนมารับผมสักคน หรือมีเพียงคนเดียว ผมก็มา เพราะผมมาเพื่อที่จะพัฒนาเขา แต่เมื่อเขามาตอนรับก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของประชาชนในพื้นที่ให้เกียรติกับผมก็โอเค แต่ผมไม่ต้องการแลกเปลี่ยนอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของรัฐบาลไม่ใช่ความดีความชอบของคนเพียงคนเดียว”
พล.อ.ประยุทธ์ กลาวย้ำอีกครั้งว่า การมาครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมือง ที่เดินทางไปสนามช้างอารีน่า ก็เพราะเขาเตรียมการต้อนรับในพื้นที่ตรงนั้น ถ้าเขาจัดต้อนรับที่ริมแม่น้ำ รับในป่า ตนก็พร้อมไป ตนจะไปบังคับใครได้ ในเมื่อประชาชนเขาอยากมาก็เป็นเรื่องที่เขาอยากจะพบกับตน ตนก็ต้องไปเจอเขา อย่าไปพูดจาให้เกิดความเสียหาย
“ผมเชื่อว่าไม่เคยมีแบบนี้มาก่อนที่รัฐบาลลงพื้นที่เกือบทุกจังหวัด ทุกภาค ผมไม่ได้มาประชาสัมพันธ์เพื่อให้รักรัฐบาล แต่อยากชี้ให้เห็นถึงจิตใจของ ครม.ข้าราชการพยายามทำดีอย่างเต็มที่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว