วันที่ 19 ตุลาคม 2564 ที่ห้องประชุมใหญ่ฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท. ) โฆษก บช.ทท. เปิดเผยว่า พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท. เป็นประธานการประชุม โดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้จัดการอบรมให้ความรู้ตำรวจท่องเที่ยวเพื่อรองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ (New Normal) ในหัวข้อ “การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยวในการเตรียมพร้อมรับการเปิดประเทศตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี” รวมถึงนโยบายปฏิบัติราชการของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ประจำปีงบประมาณ 2565 โดยมีพล.ต.ต.ธวัช ปิ่นประยงค์ ผบก.ทท.1,พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ทท.2,พล.ต.ต.กฤษณ์วาฤทธิ์ ผบก.ทท.3 พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจในสังกัด เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
พล.ต.ต.อภิชาติ เปิดเผยอีกว่าสำหรับ นโยบายการบริหารราชการของผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว มีดังนี้
1.) ภารกิจการถวายความปลอดภัยเป็นภารกิจหลักที่สำคัญที่สุด ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวทุกคนต้องให้สำคัญเป็นลำดับแรก กองบัญชาตำรวจท่องเที่ยว ต้องเป็นหน่วยงานที่มีพร้อมในทุกด้านเพื่อให้การสนับสนุนกำลังพลและยานพาหนะในการปฏิบัติภารกิจถวายความปลอดภัย เมื่อได้รับคำสั่งหรือได้รับการร้องขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2.) ดำเนินการตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่นำสมัยในระดับสากลเพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา” ซึ่งมีนโยบายรวมจำนวน 35 ข้อ
3.) ดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) สอดคล้องตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ประเด็น การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วย โมเดลเศรษฐกิจ BCG ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวบนฐานของเอกลักษณ์และอัตตาลักษณ์ของไทยโดยให้ความสำคัญกับการพัฒนา 5 ด้าน ได้แก่ ความปลอดภัย(Safety) ความสะอาด(Clean) ความเป็นธรรม (Fair) ความยั่งยืน (Sustainability) การรักษาสิ่งแวดล้อม (Green)
4.) ตำรวจท่องเที่ยว ต้องมีความพร้อมสำหรับการทำงานในรูปแบบวิถีใหม่ (New Normal) ตามแนวทางของรัฐบาล ซึ่งเน้นการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID-19 ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ในภารกิจปกป้อง ดูแล อำนวยความสะดวก และให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
5.) ตำรวจท่องเที่ยว ต้องมีจิตใจอาสาพร้อมให้บริการสาธารณะเพื่อช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ได้รับความลำบาก หรือต้องการความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เท่าที่จะมีความสามารถดำเนินการได้ เพื่อแสดงออกถึงการทำหน้าที่ของการผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง
6.) ตำรวจท่องเที่ยว ต้องมีการพัฒนาระบบงานในทุกด้านเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานด้านอำนวยการ ด้านป้องกันปราบปราม ด้านสืบสวน ด้านต่างประเทศ และด้านอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและแสวงหาความร่วมมือในทุกมิติจากองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน และสร้างเครือข่ายอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ
7.) ตำรวจท่องเที่ยว ต้องมีภาพลักษณ์ที่ดีเป็นตำรวจในยุค ๔.๐ มีความสามารถใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านภาษาต่างประเทศ มีบุคลิกภาพที่ดี พร้อมที่จะพัฒนาตนเองและงานตำรวจไปสู่มาตรฐานสากล พร้อมจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยว TRAVEL ADVISOR เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยไปสู่นานาชาติ ซึ่งจะเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน “โฆษก บช.ทท.กล่าว.