ไม่น่าเชื่อเมืองไทย ครั้นลมหนาวคราวสุดท้ายลงมาอำลาคนกรุงเทพ ยังปล่อยหางลมนำเอา”ลูกเห็บ” เป็นเท่าลูกปิงปองมารังแกประเทศหัวเมืองภาคเหนือ โดยเมืองสองแคว หรือ “พิษณุโลก”ยาวออกไปถึงสูงยอดสยาม เรื่องอย่างนี้คนสมัยเขาไม่ถือว่าเป็นอาถรรพณ์ เพราะคนดีใจคือคนขายสังกะสีมุงหลังคาหนึ่ง อีกหนึ่งคือคนที่”นาย”สั่งให้ออกหาเสียงตามหัวเมือง ก็แห่ออกมาเบิกเงินซื้อกันเป็นยกใหญ่
อีกข่าวที่กรีดหัวใจคนทางเหนือของกรุงเทพ คือการตำรวจผูกผ้าสีเขียว แห่กันไปไล่จับหาพระที่กำลังอาพาธที่วัดธรรมกาย ยินว่างานนี้ไม่มีคนรู้มากนัก เพราะสื่อต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ ทีวีที่เช่าซื้อมาจากรัฐบาลในราคาที่แพงที่สุดในโลก ไม่มีใครไม่มีใครมองเห็น ที่นี่ ก็ยังไม่มีใครก็เขียนอะไรออกไป สู้เขียนเรื่องเสือดำหรือเรื่อง”ล๊อตเตอร์หาย”ยังดีไม่มีการ”เสทือนซาง”ใครบางคน
แต่ความจริงย่อมมีจริง ข่าวที่คนใหญ่ไม่ต้องการให้ชาวบ้านรับรู้ กลับเป็นข่าวฮิตของคนไทยมีทุกคืน คืนแบบนี้เขาเรียกกันว่า “ข่าวภาคดึก” มีการประโคมกันตั้งแต่ยามดึกจนยาม ดูเปิดดูฟุตบอลเสร็จก็หันไปหาวอลเลย์บอลที่สาวไทยกำลังเก่งจนมีแฟนกันทั้งประเทศ อย่างเมื่อคืนวันที่ 20มกราคม 2016 มีคนนั่งเชียรสาวไทยตีลูกบอล 38,796,880 ครั้ง และเฉลี่ยแต่ละคืน จะมีผู้ติดตามถึง 56,661 คน หลังจากรู้แพ้รุ้กันในแต่ละคืน คนไทยก็บิดไปดูรายการ “ตีป้อมกระจุย”
และเมื่อคืนที่เหมือนกัน มีคนหนุ่มที่คนไทยคนหนึ่ง มีคนแห่ไปดูการอย่างค่อนข้างจะน่าสนใจ ดาราหน้ากล้องทีวี ที่ดังเร็วที่สุด “คืนเดียวก็ก็ดัง “ คนๆ นี้ใช่ว่าจะดังในยามดึก แต่มีชื่อคนถึงคนๆ นี้มาจนถึงวงกาแฟคนหนุ่มถึงกลางคน เขาชื่อ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” มีสร้อยเป็น “รองประธานบริหาร บริษัทไทยซัมมิท ถ้าใครผ่านไปทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จะเป็นตึกใหญ่ ที่ส่วนหนึ่งมีพรรคการเมืองเช่าทำที่การ
สาเหตุคือคนไทยสนใจกันทั้งบ้านเมืองไทย (ยกเว้นพวกควายโบราณ) ก็เพราะ “ธนาธร” เพิ่งไปสมัครตั้งพรรคการเมือง โดยมี “ปิยบุตร แสนกนกกุล” ที่เคยมีข่าวเกี่ยวกลุ่มนิติราษฎร และเขาเพิ่งจับมือกันขอจัดตั้ง “พรรคอนาคตใหม่” ยืนยันได้ว่า คนรุ่นใหม่ตั้งแต่ 40-14 คนต่างก็ชอบอกชอบใจกันค่อนกันเป็นอย่างมาก เพราะใคร ๆก็เบื่อ “อดีต”กันนักหนา แต่ละตนต้องการก้าวไปหาก้าวหน้าหนีโบราณกันทั่วบ้านทั่วเมือง ยืนยันได้ว่า ประเทศไทยของเราจะถึงเวลา “ก้าวหน้า”เสียที เราถูกนักการเมืองรุ่นเก่าหลอกลวงมานานแล้ว วันนี้ ทุกคนต่างออกมาหา “ความก้าวหน้า” ดีนั่งซ้ำซากแต่ฟังสำเนียงสำรากทุกเช้าทุกเย็น ขนาดที่นักข่าวยังเบื่อ แล้วคนไทยที่อ่านหนังสือพิมพ์ ดูข่าวทีวี จะไม่ไปหาความใหม่ ๆหรือ
และที่กำลังเป็นที่น่าสนใจ คือสาวลูกหนึ่ง ที่เกิดมาจากสี่แยกปทุมวัน คนๆ คนนี้ความรู้ปริญญาโท อาชีพเป็นครู หน้าตาเธอก็เธอก็สะอาดเกลี้ยงเกลา ไม่สวย ไม่ขึ้เหล่ แต่ที่ชาวบ้านสนใจเธอ การพูดจาค่อนจะน่าฟัง ผู้ดี ทันคน ที่สำคัญคือ เธอมีความ”กล้าหาญ”อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน บางคนที่อ่านหนังสือและฟังข่าวทางโทรทัศน์คงติดตามมานช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา คุณ “โบว์” ใครที่สนใจการบ้านการเมือง น่าจะเธอแล้ว ยืนยันได้เลยว่า ใครได้ฟังวาทะของเธอ รับรอง ถ้าเธอสมัครผู้แทนในกรุงเทพเมื่อไร ไม่ต้องติดป้าย ก็สามารถชนะได้ยาก เพราะในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา “น้องโบว์” ถูกมีคนติดตามด้วยความสนใจมาก และมีบรรดา “นักสืบเสร่อ”ต่าง ๆที่ถูก”ตำรวจโบราณ”ตามกันเป็นแถว