นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงมาตรการคลายล็อกดาวน์ ระยะที่ 2 ด้วยการทดลองเปิดห้างวันที่ 14-15 พ.ค.นี้ ว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่ ศบค. และรัฐบาลจะมีมาตรการคลายล็อก ระยะที่ 2 ด้วยการทดลองเปิดห้างในวันที่ 14 – 15 พ.ค.นี้ เพราะห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าเป็นสถานที่ที่มีผู้เข้าไปใช้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะในสังคมเมือง การเข้าไปใช้บริการในห้าง นอกจากเพื่อซื้อสินค้าแล้วยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นแหล่งรวมความบันเทิงของครอบครัว และเมื่อมีการทดลองเปิดห้างจะได้ตรวจดูตามสภาพความเป็นจริงได้ว่ามีอะไรต้องปรับปรุงแก้ไขไม่ให้มีช่องโหว่ที่อาจนำไปสู่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ โดยเฉพาะในจุดที่มีคนใช้บริการเยอะ ๆ อาจต้องมีมาตรการเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ ได้เสนอถึงการคลายล็อกระยะที่ 2 เพื่ออนุญาตให้เปิดห้างได้ ทุกฝ่ายควรดำเนินการบนพื้นฐาน 3 ประการดังนี้ คือ การเตรียมความพร้อมของห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า นอกจากจะมีมาตรการด้านสาธารณสุขขั้นพื้นฐานที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ต้องมีระบบการทำความสะอาดสถานที่อย่างจริงจังทุกจุดสัมผัส มีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกพื้นที่ ถ้าเป็นไปได้อาจมีการอบโอโซน อบรังสี UV-C ตามพื้นที่ต่างๆ, การเตรียมความพร้อมพนักงาน ควรมีการคัดกรองสุขภาพ มีข้อมูลสุขภาพพนักงานทุกท่าน และควรมีแอพพลิเคชั่นหรือ QR-Code ตรวจสอบได้ว่าพนักงาน และการเตรียมความพร้อมของผู้ใช้บริการ ซึ่งอาจต้องเตรียมให้ผู้ใช้บริการโหลดแอพพลิเคชั่นก่อนเข้าห้าง เพื่อมีข้อมูลการเข้า-การออก ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ระบบ อี-เพย์เม้นท์ ชำระค่าบริการต่าง ๆ
“อย่างไรก็ตาม ถ้าทุกฝ่ายสามารถเตรียมความพร้อมได้อย่างรอบด้าน ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด- 19 ได้ครอบคลุมทุกมิติ ก็จะทำให้เชื่อมั่นได้ว่ามาตรการคลายล็อกระยะที่ 2 ที่จะมีการเปิดห้างได้ก็จะสามารถเดินหน้าไปได้อย่างแน่นอน ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้มีการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจมากขึ้น มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีห่วงโซ่ชีวิตทำมาหากินเกี่ยวพันกับห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าต่าง ๆ ได้มีงานทำหาเลี้ยงชีพรองรับเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปตามวิถีชีวิตใหม่หรือ New Normal ต่อไป” นายองอาจ กล่าว