นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เปิดเผยถึงประเด็นที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ระงับการเข้าเว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ Daily Mail ของประเทศอังกฤษ หลังได้ทำข่าวเกี่ยวกับนาฬิกาของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยอดีตรัฐมนตรีฯ โพสต์ข้อความเฟสบุ๊คภายใต้ชื่อเรื่องว่า “กระทรวงดิจิทัลรับจ๊อบทำหน้าที่เซ็นเซ่อร์ข่าวด้วย!!!”
นายธีระชัยกล่าวว่าเคยถูกเฟซบุ๊กปิดเพจไปครั้งหนึ่งภายหลังจากที่โพสต์บทความเรื่องการกระทำความผิดโดยบุคคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล คสช. โดยกว่าจะได้คืนมา ต้องอธิบาย Facebook อยู่หลายวัน และสงสัยว่าผู้ที่แจ้งให้ Facebook ปิดเพจ อาจจะเป็นกระทรวงดิจิทัลฯ มาวันนี้ได้เห็นสัญลักษณ์ของกระทรวงดิจิทัลฯ ที่ปิดข้อมูลเกี่ยวกับนาฬิกาบิ๊กป้อม ตนจึงขอนำบทความดังกล่าวส่วนใหญ่มาแสดงในโพสต์นี้
หนังสือพิมพ์ Daily Mail ของประเทศอังกฤษได้ทำข่าวเกี่ยวกับนาฬิกา พลเอก ประวติร ที่เจาะลึกละเอียดมากกว่ากรณีของคุณยิ่งลักษณ์เสียอีก โดยรายงานว่า คณะปฏิวัติซึ่งมีพลเอกประวิตรเป็นบุคคลสำคัญอยู่ด้วยนั้น ได้ล้มรัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ โดยอ้างเหตุผลต้องการขจัดปัญหาคอร์รัปชัน แต่ได้ประสบปัญหาจากการค้นพบนาฬิกาบิ๊กป้อมโดยเพจ CSI LA ซึ่งเป็นการสืบสวนแนวใหม่โดยโซเชียลมีเดีย รายงานข่าวสรุปว่า “ปฏิกริยาที่ประชาชนมีต่อเรื่องนี้ เป็นการสะท้อนว่าประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายการปกครองประเทศโดยคณะปฏิวัติ และต้องการเห็นการเลือกตั้งเสียที เพราะรัฐบาล คสช. ขาดประสิทธิภาพจากการขับเคลื่อนด้วยส่วนบนเป็นหลัก นายศิโรตน์ คล้ามไพบูลย์ระบุว่า ‘เรื่องนาฬิกาเป็นการชี้ว่าประชาชนต้องการให้การเมืองเปลี่ยนแปลงแล้ว และเป็นปรากฏการณ์ปรองดอง ที่หลายฝ่ายเดิมซึ่งเคยต่อสู้ตรงข้ามกันนั้น มาวันนี้ได้กลับมาร่วมมือในเรื่องเดียวกัน’ ”
นายธีระชัยกล่าวว่าตนนั้นพิจารณาแล้วไม่เห็นว่าข้อความในข่าวดังกล่าวมีส่วนใดที่บิดเบือนหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ถ้าจะเป็นภัย ก็แต่เฉพาะแก่ พลเอก ประวิตร และรัฐบาล คสช. เท่านั้น จึงคิดว่ารัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลควรสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงเหตุผลต่อสาธารณะและถ้าเจ้าหน้าที่ปิดข่าว เพียงเนื่องจากมี คสช. ขอมา ก็ควรปรับปรุงระเบียบในการทำงาน และลงโทษผู้ที่ใช้อำนาจทางราชการไปปิดกั้นสิทธิพื้นฐานของประชาชนที่จะได้รับทราบข้อมูลในยุคที่รัฐบาล คสช. โฆษณา Thailand 4.0 นั้น พฤติกรรมของกระทรวงดิจิทัลจะต้องไม่กลับไปเป็นยุคมืดแห่งข่าวสาร 0.0 เหมือนช่วงเวลาอัปยศของประวัติศาสตร์ชาติไทยในอดีต