วันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงเปิดชุดนโยบายแรกของพรรคประชาชน ความมั่นคงใหม่ เศรษฐกิจใหม่ บริหารประเทศแบบใหม่ ไทย-ทัน-โลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานรีชาร์จประชาชน โดยกล่าวว่า จากการนำเสนอของพวกเราตลอด 2 วันที่ผ่านมาในงานรีชาร์จประชาชน สามารถสรุปได้เป็น 3 คำที่เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางของเราในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าและการบริหารราชการแผ่นดินต่อจากนี้ คือพรรคประชาชนต้องการสร้างประเทศไทยที่ “ไม่มีสีเทา – เท่าเทียมกัน – เท่าทันโลก”.
ตนเชื่อว่าถ้าถามว่าประเทศไทยในฝันของแต่ละคนเป็นอย่างไร แต่ละคนคงมีคำตอบไม่เหมือนกัน เช่นถ้าถามเกษตรกร ก็บอกว่าอยากให้ราคาพืชผลการเกษตรดี อยากมีเงินเหลือส่งให้ลูกหลาน ถามคนวัยทำงานที่กำลังก่อสร้างสร้างตัว วางแผนจะมีลูก ความต้องการคือเก็บหอมรอมริบ มีงานที่มีคุณภาพให้ทำ สามารถเอาเงินไปซื้อโอกาสให้ลูกหลานในอนาคตเข้าถึงการศึกษาที่ดีได้ ถ้าถามผู้สูงอายุก็อยากมีสุขภาพที่ดี ได้อยู่กับลูกหลาน ดังนั้นแต่ละคนมีความฝันที่หลากหลาย แต่สุดท้ายความฝันของเราใหญ่กว่าตัวเราทั้งนั้น คือการส่งต่ออนาคตที่ดีให้กับลูกหลานและคนรอบข้าง

ณัฐพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันไทยยังดูแลคนตั้งแต่เกิดจนเกษียณอายุ ได้ไม่ดีพอ อัตราการตายของมารดาในช่วงคลอดบุตรมีสัดส่วน 34 ต่อ 100,000 คน สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว เรามีปัญหาเด็กแคระแกร็น กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาบอกว่าเด็กไทย 1,000,000 คน หรือ 10% หลุดออกจากระบบการศึกษา มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 18,000 คนต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ขี่รถจักรยานยนต์ เพราะไม่มีเงินเพียงพอจะผ่อนรถยนต์ ถ้ารัฐคิดแค่ตัดถนนแต่ไม่ลงทุนกับการขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ถ้าทำแค่นั้นเท่ากับเป็นการบีบให้คนจนมีโอกาสตายมากกว่าคนรวย หน้าที่ของรัฐคือการลงทุนในเรื่องพื้นฐานเหล่านี้ เพื่อให้คนทุกคนมีโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน
สิ่งที่พรรคประชาชนอยากสร้าง คือประเทศไทยที่คนทุกคน ไม่ว่าเกิดมารวยหรือจน หรืออยู่จังหวัดใด รู้สึกอยากมีลูก เด็กมีสุขภาพที่ดี การศึกษามีมาตรฐาน ทุกคนมีงานดีมีคุณภาพ ผู้สูงอายุเกษียณได้อย่างสบายใจแต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่ารัฐยังดูแลเราไม่ดีเพียงพอ ตนจึงขอชี้ปัญหาในแบบฉบับของวิศวกรคอมพิวเตอร์ โดยเปรียบเทียบประเทศเป็นเหมือนกับแพลตฟอร์มหนึ่ง
หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ต้องเริ่มจากการตั้งคำถามว่า ทำไมสมาร์ทโฟนหรือแพลตฟอร์มหนึ่งจึงมีผู้ใช้เติบโตมากขึ้นทุกวัน คำของนักพัฒนาซอฟต์แวร์จะเรียกว่า “สภาพแวดล้อม” หรือสิ่งที่อยู่รอบตัวเราในโลกนั้น การที่คนใช้สมาร์ทโฟนหรือแอปพลิเคชันมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเรารู้สึกว่าใช้แล้วทุกอย่างสะดวกสบายสำหรับผู้ใช้ และสิ่งที่จะทำให้แพลตฟอร์มหนึ่งชนะอีกแพลตฟอร์มหนึ่ง คือการมีสภาพแวดล้อมดี มีความปลอดภัย นักพัฒนาเข้ามาแล้วรู้สึกว่าทำแอปได้ง่าย เมื่อสภาพแวดล้อมดี จะดึงดูดนักพัฒนา ดึงดูดผู้ใช้ แพลตฟอร์มก็เติบโต

จากการเดินทางไปสิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา ตนได้พบคนไทยที่ทำงานที่นั่น พูดได้ว่าเกือบร้อยทั้งร้อย บอกเหมือนกันว่าถ้าประเทศไทยมีงานแบบที่เขาทำที่สิงคโปร์หรือสหรัฐอเมริกา มีระบบที่ดูแลคุณภาพชีวิตของเขาได้ดีเหมือนต่างประเทศ ไม่มีใครอยากอยู่ต่างแดนหรอก มีแต่คนอยากย้ายกลับมาในประเทศตัวเอง ดังนั้นหน้าที่ของพวกเรา คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อดึงดูดคนเก่ง ดึงดูดนักลงทุนให้กลับมา ทำให้เศรษฐกิจเติบโต
ทั้งนี้ การจะเป็นสมาร์ทโฟนหรือแพลตฟอร์มที่ดี ระบบปฏิบัติการต้องการันตีเรื่องความปลอดภัย การจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ มีชุดคำสั่งที่ทำให้นักพัฒนาแอปฯ สามารถนำไปต่อยอดได้โดยง่าย ควบคุมไม่ให้มีแอปสแปมต่าง ๆ เข้ามา ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับประเทศ ระดับฮาร์ดแวร์คือโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ประปา สวนสาธารณะ ขนส่งสาธารณะ ไฟส่องสว่าง อินเทอร์เน็ต ส่วนระบบปฏิบัติการของประเทศ ต้องการันตีเรื่องความปลอดภัย จัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม การันตีเรื่องการเปิดโอกาสให้คนไปต่อยอดได้ง่าย โดยระบบการเมืองมีหน้าที่ในการจัดสรรทรัพยากร ระบบยุติธรรมมีหน้าที่กำกับดูแลกฎหมายกฎกติกา ระบบราชการมีหน้าที่ให้บริการสาธารณะขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน แต่ทุกวันนี้ระบบของบ้านเรายังมีปัญหาอยู่ทั้งหมด มีแต่บั๊กที่ยังไม่ได้อัปเดต

ส่วนโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม เช่น การศึกษา การรักษาพยาบาล การดูแลผู้สูงอายุ ถ้ารัฐทำได้ดีก็จะทำให้ประชาชนเติบโตได้ง่ายขึ้น แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยยังขาดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยสรุปคือถ้าเปรียบเทียบประเทศหนึ่งเป็นแพลตฟอร์ม แพลตฟอร์มที่ดีคือแพลตฟอร์มที่สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี ที่ทำให้คนอยากย้ายเข้ามา ดังนั้นพรรคประชาชนจึงออกแบบนโยบายต่าง ๆ เพื่อมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในเชิงโครงสร้าง
ณัฐพงษ์ กล่าวว่า การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี ต้องทำต่อไปนี้ นโยบายความมั่นคงและต่างประเทศแบบใหม่ โดยด้านความมั่นคงแบ่งเป็น 3 ระดับ คือระดับในประเทศ มีข้อเสนอเรื่องการตั้งวอร์รูมจัดการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ตั้งหน่วยเฉพาะกิจในการยึดทรัพย์ทุนเทา ในระดับภูมิภาค เสนอให้ตั้งศูนย์ของอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงและศูนย์อาชญากรรมไซเบอร์อาเซียน ซึ่งศูนย์นี้ไม่ได้คุยกันแค่ในอาเซียนเท่านั้น แต่ควรคุยกับประเทศอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบด้วย เพื่อดึงความร่วมมือมาช่วยเรา ส่วนในระดับโลก ต้องทำการทูตสง่างาม ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นตัวตั้ง ซึ่งหมายถึงไม่ยึดข้างแต่ยึดหลักการ เอาวาระของโลกเป็นตัวตั้ง หากทำได้เช่นนี้ประเทศไทยจะกลับมาเฉิดฉายยืนหยัดอย่างสง่างามในเวทีโลก

นโยบายเศรษฐกิจใหม่ ยก 4 เครื่องยนต์เพื่อขับเคลื่อนประเทศ คือการเพิ่มทักษะและผลิตภาพ เปลี่ยนจากสังคมสูงวัยเป็นโอกาส ทำเกษตรพลิกฟื้น อุตสาหกรรมอนาคต การแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม เอาอำนาจรัฐไปต่อสู้กับทุนสีเทา (3) ระบบราชการแบบใหม่ คือการแก้ปัญหาเก่า เสริมสร้างสมรรถนะใหม่ รับมืออนาคตและสร้างความเชื่อมั่น ซึ่งปัญหาอย่างหนึ่งของประเทศไทยคือทั้งประชาชนและภาคเอกชนขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐ และการจะกอบกู้ความเชื่อมั่นความเชื่อใจจากประชาชน คือรัฐต้องโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนโดยใช้เครื่องมือทางดิจิทัล
การลงทุนในคุณภาพชีวิตใหม่ ทั้งเรื่องคน เรื่องเมือง ที่ดินและสิ่งแวดล้อม ระบบดิจิทัล ตอนที่ตนเป็นประธานกรรมาธิการติดตามงบประมาณฯ ได้ข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินในประเทศไทยว่ามีขนาดที่ดินประมาณ 320 กว่าล้านไร่ ที่ดินที่มีโฉนดประมาณ 100 ล้านไร่ มีผู้ถือครองประมาณ 20 ล้านคน ตีเป็นมูลค่าประมาณ 37 ล้านล้านบาท และหากคิดตามมูลค่าคนรวยที่สุด 1% ถือครองที่ดินที่มีมูลค่ารวม 99% หรือ 36 ล้านล้านบาท
ดังนั้นถ้าไม่จัดการเรื่องที่ดิน เราไม่มีทางแก้ไขปัญหาใหญ่ ๆ ของประเทศได้ ที่ผ่านมาประเทศพัฒนาแล้วล้วนผ่านการปฏิรูปเรื่องเหล่านี้มาทั้งสิ้น แก้ปัญหาเรื่องการกระจุกตัวของที่ดิน ให้เกษตรกรในประเทศเป็นเจ้าของที่ดินเพื่อสร้างโอกาสสร้างทางเลือก ซึ่งนี่เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ตราบใดที่เรายังอยู่ในระบบการเมืองแบบนี้ คนที่มีอำนาจ เป็นนายทุน จะแสวงหาการเข้าไปครอบครองทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดเพื่อเก็บค่าเช่าในระบบเศรษฐกิจ ทำให้สังคมมีความเหลื่อมล้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งนี้ ณัฐพงษ์ ได้เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคในการเลือกตั้งที่จะมาถึง โดยลำดับที่หนึ่ง คือตัวเขาในฐานะหัวหน้าพรรค ลำดับที่สองคือศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ที่ดูแลด้านนโยบาย และแคนดิเดตลำดับที่สาม คือ วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้า ฝ่ายยุทธศาสตร์ ซึ่งเคยเป็นอาจารย์สอนอยู่ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับพรรคตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่เช่นเดียวกับศิริกัญญา อยู่เบื้องหลังชุดนโยบายที่มีความคมและมียุทธศาสตร์ของไทยในโลก

การเผยโฉมหน้าแคนดิเดต 3 ลำดับของพรรคประชาชนเช่นนี้ เพราะภาคประชาชนเชื่อว่าการนำเสนอตัวในการเลือกตั้งไม่ควรต้องเป็น “นายกรัฐมนตรีกล่องสุ่ม” ไม่ใช่ให้ประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้งแล้วไปเลือกกันเอาเองว่าสามคนนี้ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไป พรรคประชาชนต้องการความตรงไปตรงมากับประชาชน เมื่อเข้าคูหาต้องรู้ว่าถ้าไม่ได้เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ใครคือเบอร์ 1-3 แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นนี่คือโฉมหน้าของพรรคประชาชน
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วพรรคก้าวไกลได้เป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่ง แต่ยังมีกลไกของรัฐ เสียง สว. และข้ออ้างทางการเมืองต่าง ๆ ที่ทำให้พรรคก้าวไกลยังไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ครั้งหน้ากลไกเหล่านั้นเริ่มหายไปแล้ว สว. ลงมตินายกฯ ไม่ได้แล้ว เงื่อนไขทางการเมืองอื่น ๆ เริ่มคลายตัวลงไปบ้าง และสิ่งที่สำคัญคือการที่เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้ใบอนุญาตที่หนึ่งมาเพื่อให้พวกเขาปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งสำหรับพรรคประชาชน ใบอนุญาตที่หนึ่งในระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนก็คือประชาชน ถ้าได้ 20 ล้านเสียง หรือครึ่งหนึ่งของคนที่มีสิทธิเลือกตั้ง จะมีใครปฏิเสธการเป็นรัฐบาลของพรรคประชาชนได้อีก การเลือกตั้งครั้งหน้าขอให้ทุกคนช่วยกันส่งต่อพลัง รณรงค์ ทำความเข้าใจกับครอบครัว เพื่อจะได้รู้กันสักทีว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า ประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงแล้วจริง ๆ

