ปักษ์ใต้อ่วมมหาอุทกภัยถล่ม “สงขลา” โดนหนักทุกอำเภอ แฟนคลับถามหา’นายกฯโจ๊ก’

1235

ขณะที่กำลังเขียนต้นฉบับที่บ้านน้องชายใน อ.เมือง สงขลา ต้องลุ้นว่าน้องน้ำจะมาเยือนช่วงเวลาไหน เพราะฝนตกทั้งวันทั้งคืนชนิดที่ไม่ปล่อยว่างให้ชาวบ้านได้หายใจหายคอเลย

แม้ในเขตเทศบาลนครสงขลาโชคดีที่น้ำยังไม่ท่วม แต่อำเภอรอบนอกจมบาดาลไปหมดแล้ว การคมนาคมติดต่อกันลำบากมาก

แต่ที่หนักและสาหัสที่สุดคือเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ฝนตกหนักต่อเนื่องสูงกว่า 230–300 มิลลิเมตร แต่คงไม่ใช่หนักสุดในรอบ 300 ปี ตามที่กรมชลประทานผู้มีบทบาทบริหารน้ำออกมามโนเสมือนปัดสวะให้พ้นตัว เพราะอายุเมืองหาดใหญ่ยังไม่ถึง

เขตเศรษฐกิจสำคัญทั้งโรงแรม ตลาดกิมหยง สถานที่ราชการ โรงพยาบาลหาดใหญ่ โรงพยาบาลเอกชน บ้านเรือนประชาชน จมบาดาลแบบไม่ได้ตั้งตัว มูลค่าความเสียหายยากที่จะประเมินได้ ชาวบ้านที่ติดอยู่ตามบ้านเรือน คอนโดมิเนียม แฟลต รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ในโรงแรม ต่างหิวโซไปตาม ๆ คำว่าหิวข้าว ต้องการข้าว กลายเป็นไวรัลในสื่อโซเชียล

ขณะที่การช่วยเหลือของภาครัฐแทบจะไร้น้ำยา เพราะขาดการวางแผนในการรับมือ ผู้นำท้องถิ่น รวมถึงฝ่ายปกครองตั้งอยู่บนความประมาท ทั้งที่มีการแจ้งเตือนถึงสภาพภูมิอากาศว่าฝนตกหนักมาล่วงหน้าแล้วหนึ่งสัปดาห์

ในจังหวะที่ฝนตกหนัก การแจ้งเตือนมาช้ากว่าน้องน้ำ แต่กลับมีเสียงคุยโวจากนายเทศมนตรีบางคนว่าเอาอยู่ แต่สุดท้ายจมบาดาลเกือบทั้งอำเภอหาดใหญ่ แม้แต่บริเวณรอบสนามบินหาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่สูง ถนนเข้าสู่สนามบินน้ำท่วมสูง มีแต่รถยกสูงเท่านั้นที่สามารถผ่านได้

ยิ่งในช่วงสถานการณ์ที่ชาวบ้านร้องขอให้ภาครัฐช่วย กลับไร้เสียงตอบ หน้างานไร้ข้าราชการระดับสูงที่มีอำนาจบังคับบัญชาสั่งการ แม้แต่นักการเมืองท้องถิ่นยังเกี่ยงที่จะออกช่วยเหลือ ส่งผลให้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ต้องบินลงพื้นที่ถึงสองรอบ

อย่างสถานการณ์ล่าสุดช่วงสายวันที่ 24 พฤศจิกายน ผลการประชุมของจังหวัดสงขลา สรุปว่าให้เร่งอพยพประชาชนด่วนทั้งเมือง ก่อน 4 โมงเย็น เพราะจะมีน้ำที่สูงขึ้นจากปริมาณฝนที่ตกมากขึ้นฝั่งคลองคอหงส์และฝั่งคลองอู่ตะเภา ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 26 พฤศจิกายน ทำให้มีน้ำสูงมากกว่าเดิม

ขณะที่การช่วยเหลือหลายภาคส่วนเริ่มขยับมากขึ้น หลายหน่วยงานเปิดโรงครัวทำอาหารกล่องแจกจ่าย รวมถึงโรงครัวพระราชทาน ที่เดินทางเข้าพื้นที่ปักหลักปรุงอาหารให้ประชาชนตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน หน่วยกู้ภัยและอินฟลูเอนเซอร์หลายคนลงพื้นที่นำสิ่งของไปแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัยแบบไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย

แต่ผู้ประสบหลายคนรวมถึงแฟนคลับของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ต่างถามหาว่าหายไปไหน เพราะช่วงที่เดินทางกลับสงขลา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มักให้คำสัญญาว่าจะดูแลชาวสงขลา พร้อมที่จะรับใช้ทั้งในบทบาทของข้าราชการหรือบทบาทของนักการเมือง รวมถึงชาวใต้จังหวัดอื่น ๆ ในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ

จากบทบาทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาพร้อมวาจาที่หวานหู ทำให้ชาวใต้ต่างศรัทธาและเชื่อมั่น ยิ่งส่องผลงานที่ทำในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ ไม่ว่าจะเป็นจัดรถทัวร์ แจกตั๋วเครื่องบินให้คนใต้ที่อาศัยและประกอบอาชีพในกรุงเทพฯ เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์และปีใหม่ รวมถึงเดินลงพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย นำเครื่องอุปโภคบริโภคไปแจกให้ชาวบ้านที่ประสบภัยทุกครั้ง และเกือบทุกพื้นที่

ซึ่งบทบาทในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สามารถใช้สร้างชื่อเสียง สร้างภาพที่ดี รวมถึงใช้เป็นสะพานเดินสู่ถนนสายการเมืองได้อย่างสบาย

แต่ครั้นเวลาที่ชาวสงขลาประสบมหาอุทกภัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ กลับเงียบหาย ชาวบ้านที่ต่างความหวังว่าจะพึ่งได้เริ่มจะถามหามากขึ้น ยิ่งในช่วง 1–2 สัปดาห์ที่ผ่านมาบทบาทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดดเด่นเมื่อออกมาเล่นบทดับเครื่องชน เดินสายออกสื่อเกือบทุกสำนักฯ แฉอดีต ผบ.ตร. และลูกน้องเดินสายเก็บส่วยและรับส่วยจากแก๊งพนันออนไลน์ และโชว์บทบาทในการประชุมคณะกรรมาธิการมั่นคงฯ ซักถามหญิงสาวที่อ้างว่าเป็นคนโอนจ่ายส่วยให้กับตำรวจแบบถึงลูกถึงคน

ซึ่งการโชว์บทบาทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ชาวสีกากีมองว่า มีเป้าหมายดิสเครดิตองค์กรตำรวจที่มอบเกียรติยศ ชื่อเสียงและทรัพย์สินเสมือนเป็นผู้มีบุญคุณของตัวเองแบบเต็ม ๆ มาพร้อมกับเสียงนินทาว่าการแสดงบทบาทครั้งนี้หวังจะดึงมวลชนมาเป็นเกราะในการสู้คดีที่ชะงักติดค้างอยู่มากกว่า 5 คดี

การแสดงบทบาทดับเครื่องชนจะทำเพื่อตัวเองมากกว่าส่วนรวมหรือไม่ก็ตาม ต่างได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนคลับชาวปักษ์ใต้อย่างล้นหลาม รวมถึงชาวสงขลา บ้านเกิดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

แต่ ณ เวลานี้ที่ชาวสงขลารวมถึงชาวใต้จังหวัดอื่น ๆ ต่างประสบความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากมหาอุทกภัย หลายพื้นที่ โดยเฉพาะชาวสงขลา ต่างถามหาว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หายไปไหน บทบาทในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ ที่โดดเด่นมาตลอดกลับเงียบหายไป

เมื่ออาสามาสวมหัวโขนนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ แล้ว ควรเร่งโชว์บทบาทเพื่อส่วนรวมได้แล้ว ถ้ายังเฉย ระวังจะถูกครหาว่าอยากได้ตำแหน่งนี้เพราะจะนำไปใช้ประโยชน์เพื่อตัวเองเป็นหลัก และอาจจะถูกอนุมานได้อีกว่าที่ออกมาแฉบัญชีส่วยนั้นล้วนทำเพื่อตัวเองทั้งสิ้น

ดังนั้น เพื่อลดข้อครหาดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต้องออกมาแสดงตัวเพื่อช่วยเหลือส่วนรวมโดยด่วนได้แล้ว อย่าทำตัวเป็นไอ้เข้กบดานอยู่เลย !!!