กรุงเทพฯ, วันที่ 28 ต.ค. – ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยข้อมูลงบการเงินของกลุ่มแบงก์ 9 แห่งที่จดทะเบียนใน SET ว่า รายได้ดอกเบี้ยสุทธิหดตัวลง 7.8% YoY ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 ขณะที่ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ชะลอลงต่อเนื่องสอดคล้องกับทิศทางดอกเบี้ยในประเทศและสินเชื่อที่หดตัวลง อย่างไรก็ดี กลุ่มแบงก์ในภาพรวมยังสามารถประคองผลการดำเนินงานไว้ได้ เนื่องจากมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมาช่วยชดเชย โดยเฉพาะกำไรจากเงินลงทุนและกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ซึ่งกำไรทั้ง 2 ส่วนรวมกันมีสัดส่วนประมาณ 22.4% ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ ใน 3Q-2568

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า การเร่งปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ และการจัดการเชิงรุกต่อปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพช่วยชะลอการไหลของหนี้เสีย หรือ NPL ส่งผลทำให้สัดส่วน NPL ขยับขึ้นไม่มากไปอยู่ที่ 3.18% ต่อสินเชื่อรวม แต่สินเชื่อกลุ่มเริ่มมีความเสี่ยง (Stage 2) ที่ยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนว่า สถาบันการเงินยังต้องติดตามความสามารถในการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้อย่างใกล้ชิด และอาจยังคงต้องตั้งสำรองในระดับสูง
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ว่ามี 3 ประเด็นท้าทายที่รออยู่ในไตรมาส 4 ได้แก่ 1) รายได้จากธุรกิจหลัก และ NIM อาจชะลอลงตามภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นช้า 2) NPLs ยังเป็นโจทย์ต่อเนื่องอาจทำให้ยังต้องตั้งสำรองฯ สูงเพื่อรองรับความไม่แน่นอน และ 3) การเร่งบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยประคองผลการดำเนินงานในช่วงดอกเบี้ยขาลง

