กรุงเทพฯ. วันที่ 1 ต.ค. – สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม (TIPMSE) ระดมพลังภาคีเครือข่ายกว่า 149 องค์กร และสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กว่า 16,000 ราย ร่วมขับเคลื่อน EPR in Action เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วให้กลับมาเป็นวัตถุดิบตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนสร้างมูลค่าเพิ่ม ผลักดันมาตรการจูงใจ ด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษี สร้างกลไกตลาด การส่งเสริมการออกแบบเพื่อการรีไซเคิล หรือ Design for Recycle (D4R) การใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม

“TIPMSE” เปิดเวทีสัมมนา ”รวมพลังขับเคลื่อน EPR เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นวัตถุดิบ” เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนการจัดการบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน ด้วยหลักขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (Extended Producer Responsibility – EPR) ภายใต้ พ.ร.บ.การจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธาน พร้อมด้วย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายโฆษิต สุขสิงห์รองประธาน ส.อ.ท. และประธานสถาบัน TIPMSE ผู้บริหาร ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา องค์กรอิสระ เข้าร่วม
การสัมมนานี้เป็นการสานต่อภาคีเครือข่ายสู่การผนึกกำลังกับองค์กรต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ที่เป็นศูนย์กลางผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้บริโภค ผู้รวบรวม และโรงงานรีไซเคิล ในรูปแบบของสมาคม กลุ่มอุตสาหกรรม เครือข่ายพันธมิตร และสภาองค์กรต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมในการรับหน้าที่จัดการบรรจุภัณฑ์ที่มุ่งนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล รวมถึงจับมือกับองค์กรสนับสนุน อย่างภาครัฐ ภาคประชาสังคม องค์กรอิสระ องค์กรระหว่างประเทศ เพื่อระดมความคิดเห็น แบ่งปันองค์ความรู้ และทรัพยากรต่างๆ ตามบทบาทที่สอดคล้องกับหลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต ภายใต้ความร่วมมือของ “เครือข่ายการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน หรือ EPR Network”

นายเกรียงไกร กล่าวว่าส.อ.ท. มีเป้าหมายในการเร่งยกระดับอุตสาหกรรมเดิมและพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) สอดรับกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความท้าทายระดับโลก โดยไทยต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้อย่างมั่นคง ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สำหรับกลไก EPR ของไทย ขณะนี้มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ TIPMSE ภายใต้ ส.อ.ท. ได้เตรียมความพร้อมให้กับสมาชิกที่มีอยู่กว่า 16,000 ราย เข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการขับเคลื่อนการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ TIPMSE ได้วางแผนดำเนินการใน 4 ด้าน เพื่อพัฒนาการเก็บคืนบรรจุภัณฑ์เข้าสู่ระบบรีไซเคิล ประกอบด้วย 1. พัฒนากลไก EPR ที่เหมาะสมกับประเทศไทย ทั้งการร่างกฎหมาย การทำระบบจัดการข้อมูล EPR การคำนวณค่าธรรมเนียม และโครงสร้างขององค์กรรับผิดชอบการจัดการบรรจุภัณฑ์ (PRO) 2. พัฒนาระบบเก็บกลับ เพื่อให้เกิดต้นแบบการจัดเก็บตามหลักการ EPR โดยได้นำร่องในพื้นที่จังหวัดชลบุรี 3. สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นกลไกเครือข่ายการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน” หรือ EPR Network และ 4. พัฒนาองค์ประกอบอื่นๆ ผลักดันให้เกิดแนวคิด D4R เช่น ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี การออกใบรับรองหน่วยงานร่วมขับเคลื่อน (EPR Certification)

ด้านนายโฆษิต กล่าวว่า TIPMSE ดำเนินงานมาจะครบ 20 ปี ในเดือนธันวาคมนี้ สถาบันฯ มีเป้าหมายผลักดันให้เกิดการ “เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เป็นวัตถุดิบ” ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สามารถทำได้จริง ภายใต้ความร่วมมือของภาคีเครือข่าย EPR Network ที่ขยายจากเดิมกว่า 149 หน่วยงาน มาสู่องค์กรศูนย์กลาง ที่ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนทั้งการกระจายข่าวสาร ข้อมูลและความรู้ และผลักดันให้บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วกลับมาเป็นวัตถุดิบในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน แนวทางดังกล่าว มุ่งเน้นการส่งเสริมการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ควบคู่กับการสื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สังคม อันเป็นผลจากความร่วมมือที่เข้มแข็งของหลายภาคส่วน ซึ่งได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม เครือข่ายยังต้องทำงานอย่างต่อเนื่องและขยายการสื่อสารเรื่อง EPR ไปยังองค์กรสมาชิกให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
สำหรับการขับเคลื่อน EPR เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นวัตถุดิบ (EPR in Action) ในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ TIPMSE สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นในงาน Sustainable Expo หรือ SX2025 ทั้งนี้ ในแต่ละปีจะมีการขยายความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เพื่อให้การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน

