
หากใครได้ชมการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ระหว่างนายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย กับนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ช่วงขานคะแนนจะเห็นบรรยากาศมีทั้งแบบเต็มใจเลือกและแบบฝืนเลือก
โดยเฉพาะส.ส.พรรคประชาชน ถ้าฟังจากน้ำเสียงหลายคนอยู่ในอาการฝืนเลือก มีบางคนขานแบบขอไปที บางคนกลัวว่าพรรคภูมิใจไทยจะเบี้ยวจะขานว่าแก้รัฐธรรมนูญ ยบุสภาฯเลือกนายอนุทิน
จากนี้คอการเมืองคงต้องติดตามว่านายอนุทินจะทำตามเงื่อนไข 5 ข้อที่สัญญาไว้กับพรรคประชาชนหรือไม่ ?โดยเฉพาะยุบสภาภายใน 4 เดือน หรือเกาะเก้าอี้แน่น แล้วปล่อยให้พรรคประชาชนนั่งทำตาปริบ ๆ
ซึ่งกรณีที่พรรคประชาชนหนุนนายอนุทิน นั่งนายกรัฐมนตรี นักวิชาการ นักการเมือง และคอลัมน์นิสต์ ของสื่อสำนักต่าง ๆ วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางแล้ว
“จอมมารน้อย” ไม่ขอแสดงความเห็นซ้ำ แต่ขอจับบรรยากาศความเคลื่อนไหวแกนนำพรรคการเมืองที่หนุนนายอนุทิน ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นได้แก่พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคไทยสร้างไทย บางส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายนิพนธ์ บุญญามณี และพรรคเล็ก ๆ บางส่วน
ซึ่งความเคลื่อนไหวของแกนนำจากพรรคต่างๆยังไม่พอบ่งชี้ได้ว่านายอนุทิน จะแบบเบอร์ กระทั่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่าหนุนนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี บรรยากาศที่คลุมเครือกระจ่างขึ้นมาทันที
ผู้อ่านอาจจะตั้งคำถามว่าทำไม ร.อ.ธรรมนัส มีเครดิตมากถึงขั้นยืนฝั่งไหน ฝั่งนั้นได้เป็นรัฐบาล ขอย้อนอดีตให้เห็นว่าหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำเผด็จทหาร ปลดล็อกอำนาจเผด็จการ จัดให้มีการเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ เสนอพล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
พรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ตามด้วยพลังประชารัฐ แต่เพื่อไทยไม่สามารถตั้งรัฐบาล เพราะ สว.ร่างทรงเผด็จการไม่โหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงแบเบอร์ จังหวะนั้นร.อ.ธรรมนัส มีบทบาทในพรรคพลังประชารัฐค่อนข้างสูง และได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส ถูกพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายไม่วางใจกล่าวหาเคยติดคุกที่ประเทศออสเตรเลีย ข้อหาค้ายาเสพติด หิ้วเฮโรอีน เข้าประเทศ ร.อ.ธรรมนัสชี้แจงว่าในสภาฯ ว่าไม่เป็นความจริง เพราะหิ้วเข้าออสเตรเลียนั้นคือแป้ง หลังการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ปรับออกแต่อย่างใด
จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าร.อ.ธรรมมัส มีแบ๊กดี แต่มาแตกหักกับ พล.อ.ประยุทธ์ หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ 2 และถูกปรับออกมาพร้อมกับข่าวนายทุนแจกกล้วยให้ สส.เพื่อค้ำบัลลังก์รัฐบาล
มีการตั้งข้อสังเกตว่าหลัง ร.อ.ธรรมนัส ถูกกล่าวหาพัวพันกับการค้ายาเสพติด บรรดาเสื้อเหลือง และสลิ่มที่อ้างเป็นคนดีแทบจะไม่มีใครติดใจและออกมาเคลื่อนไหวให้พล.อ.ประยุทธ์ ปลดออกจากตำแหน่งเลย แต่ถูกปลดเพราะไปขัดแย้งกับพล.อ.ประยุทธ์ โดยตรง แม้ พล.อ.ประวิตร จะเคลียร์ให้แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมจบกระทั่งถูกเขี่ยออก
เมื่อเลือกตั้งเสร็จ ร.อ.ธรรมนัส กลับมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ (รมว.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยุคนายเศรษฐา ทวีสิน จากนั้นออกจากพรรคพลังประชารัฐ มาสังกัดพรรคกล้าธรรม และส่ง น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม นั่ง รมว.เกษตรฯ ในยุคของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร
ช่วงจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐา ได้เห็นความสัมพันธ์อันแนบแน่น ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นบุคคลหนึ่งที่นายทักษิณ ไว้วางใจให้นั่งรมว.เกษตรฯ แต่ช่วงรัฐบาลแพทองธาร มีกระแสข่าวว่านายทักษิณ ไม่อยากให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นเสนาบดีเพราะกลัวเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีได้ แต่ ร.อ.ธรรมนัส มีบทบาทเสมือนเป็นเสนาบดี
ครั้นพอ น.ส.แพทองธาร ตกเก้าอี้ พรรคการเมืองหลายพรรคสนับสนุนนายอนุทิน รวมถึงพรรคกล้าธรรมของ ร.อ.ธรรมนัส หลังจากนั้นมีข่าวว่าระหว่างนายทักษิณ ร่วมงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งรองประธานสภาฯ ให้นายฉลาด ขามช่วง ได้ขอโทษกับกลุ่ม สส.ว่า “ไว้ใจคนมากเกินไป พี่ผิดไปแล้วที่ดูคนผิด”
พลันที่ข่าวแพร่ออกไปบรรดาสื่อพุ่งเป้าไปที่ ร.อ.ธรรมนัส แต่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาลให้สัมภาษณ์ว่านายทักษิณ พูดจริงแต่ไม่ได้ระบุชื่อ ร.อ.ธรรมนัส
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส ปฎิเสธที่จะให้ความเห็นและปฏิเสธที่จะให้เหตุผลที่ตัดสินใจเปลี่ยนขั้วการเมือง ระบุแต่เพียงว่า “พูดไม่ได้” จึงทำให้นึกถึงวาทะของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เกี่ยวกับเบื้องหลังรัฐประหารว่า “คำถามบางประการตายแล้วก็ตอบไม่ได้”
ดังนั้น สิ่งนายทักษิณ พูดหมายถึง ร.อ.ธรรมนัสรวมถึงบุคคลอื่นๆด้วยหรือไม่สุดจะคาดเดา แต่ความเคลื่อนไหวในการจัดตั้งรัฐบาลแต่ละครั้งฝั่งที่ ร.อ.ธรรมนัส เลือก มักสำเร็จเสมอ !!!


