“อรรถกร” เผย เตรียมเร่งเจรจาจีน รับมือมาตรการสุ่มตรวจสารซัลเฟอร์ลำไยไทยเพิ่ม

637

รัฐสภา, วันที่ 21 ส.ค. – นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ ตอบกระทู้ถามสดของ น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี พรรคประชาชน ถึงกรณีที่ประเทศจีนได้ตรวจพบสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) หรือกำมะถันในลำไยของไทยเกินค่ามาตรฐาน 50 ppm และถูกตีกลับมา ว่าขั้นตอนการสุ่มตรวจสารในลำไยที่ น.ส.ญาณธิชา ถามมานั้น ได้รับแจ้งจากทางทูตเกษตรทั้ง 2 ท่านที่ประจำอยู่ที่จีนแล้วว่า ทางการจีนอาจจะมีการปรับเปลี่ยนการสุ่มตรวจจากค่ามาตรฐานที่กำหนดในข้อตกลง ระหว่าง ก.เกษตรและสหกรณ์ (กษ.) และ กระทรวงควบคุมคุณภาพ และตรวจสอบกักกันโรค ประเทศจีน ที่ได้ลงนามเมื่อปี พ.ศ.2547 ว่า สารซัลเฟอร์ในลำไย ที่เนื้อไม่เกิน 50 mg/kg แต่อาจจะมีแนวโน้มที่จะมีการยกระดับมาตรฐานมีการกำหนดค่าสารซัลเฟอร์ทั้งผล(รวมเปลือก) แทนการตรวจเฉพาะเนื้อ

นายอรรถกร กล่าวว่า ขณะนี้ กษ. ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว และยังไม่มีหนังสือชี้แจงใด ๆ มาจากทางการจีน ซึ่งถือเป็นช่องว่างที่เราจะเร่งเจรจาขอผ่อนปรนมาตรการดังกล่าว เพื่อให้เกษตรกร และผู้ประกอบการได้มีระยะเวลาในการปรับตัว โดยวานนี้ (20 ส.ค.) ตนได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการค้าต่างประเทศ, กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ, มกอช., กรมวิชาการเกษตร เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบหากมีมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นจริง

“ผมต้องทําให้กระทรวงเกษตรฯเป็นที่พึ่งของเกษตรกรไทย และทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ให้เกษตรกร ขณะนี้ เราได้ทํานัดเรื่องเวลาในการที่จะเข้าไปพบกับจีนแล้ว ซึ่งผมเชื่อว่า ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีของประเทศเรากับประเทศจีนที่เรามีการค้าการขายดั่งพี่ดั่งน้องมาตลอด จะสามารถพูดคุยทางการค้าเพื่อหาข้อสรุปถึงการเปลี่ยนแปลงมาตรการสุ่มตรวจในลำไยที่จะเกิดขึ้นได้ และถ้าได้ผลอย่างไร ผมจะนํามาแจ้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เร็วที่สุด“ รมว.เกษตร กล่าว

นายอรรถกร กล่าวว่า ที่ผ่านมาในสมัยที่ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตร ชาวสวนทุเรียนก็เผชิญกับการสุ่มตรวจสาร BY2 ในทุเรียนไทยที่ส่งไปขายที่จีน จะต้องผ่านเกณฑ์ตามที่จีนกำหนดมา ในขณะนั้นกระทรวงเกษตรฯก็มีการเตรียมความพร้อมและรับมือจนสามารถผ่านสถานการณ์นั้นมาได้ ซึ่งการสุ่มตรวจสารในลำไยครั้งนี้ก็เช่นกัน ตนเชื่อว่า กระทรวงเกษตรฯมีประสบการณ์ในการรับมือ และจะทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบน้อยมากที่สุด

นายอรรถกร ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ลำไยในภาคตะวันออกที่จะมีผลผลิตออกมาอีกกว่า 30,000 ภายใน 2-3 เดือนนี้ว่า ตนเชื่อว่า รัฐบาลชุดนี้ทราบถึงปัญหานี้ดีและก็คงจะไม่ปล่อยให้พี่น้องชาวสวนลําไยต้องเดินเดียวดาย และถ้าจําเป็นที่จะต้องใช้เงินงบประมาณ ตนเชื่อว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี จะนํางบประมาณซึ่งเป็นภาษีของประชาชนมาใช้ในส่วนนี้ เพื่อที่จะดูแลแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวสวนลําไย