รรท.ผบช.สตม. ขานรับนายก สั่ง ตม.ทั่วประเทศระดมกวาดล้างอาชญากรรม

226

รรท.ผบช.สตม. ขานรับนายก สั่ง ตม.ทั่วประเทศระดมกวาดล้างอาชญากรรม รุดตรวจสนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ คาดอาจสูงถึง 120,000 คนต่อวัน

วันนี้ (9 ธ.ค.67) เวลา 13.30 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รรท.ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สอท.ปรก.รอง ผบช.ตม. และ พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง บริเวณช่องตรวจทั้งระบบ เพื่อดูสภาพปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีผู้โดยสารหนาแน่นมากๆ พร้อมเรียก ตม.สนามบินทั่วประเทศประชุมเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้ามาในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้

พล.ต.ต.ภาณุมาศ ฯ​ เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศ 10 นโยบายเร่งด่วน ซึ่งการส่งเสริมการท่องเที่ยวถือเป็นนโยบายหนึ่ง ต่อยอดมาตั้งแต่รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ที่มีนโยบาย Visa Free ให้กับ 93 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้นนับตั้งแต่ช่วงหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 เป็นต้นมา และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากที่สุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยอาจสูงถึง 120,000 คนต่อวันทีเดียว ซึ่งนับตั้งแต่ 1 ม.ค.67 ถึงปัจจุบัน มีคนต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากถึง 28 ล้านคน โดยสัญชาติที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด 5 อันดับคือ จีน 6.4 ล้านคน อินเดีย 2 ล้านคน เกาหลีใต้ 1.7 ล้านคน รัสเซีย 1.4 ล้านคน และญี่ปุ่น 1.1 ล้านคน

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ ตม.จะต้องเตรียมการรองรับ ทั้งระบบเทคโนโลยี ที่ต้องนำมาใช้ในการตรวจคัดกรอง คือระบบ Biometric ต้องมีความพร้อม 100% พร้อมเตรียมแผนสำรองไว้กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ระบบล่ม ซึ่งจะไม่เกิดปัญหาในการปฏิบัติอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มอัตรากำลังพลเพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการ โดยการระดมกำลังจากทุกส่วนมาช่วยสนับสนุนเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการตรวจ

รรท.ผบช.สตม.กล่าวต่อว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีข้อจำกัด บริเวณพื้นที่รองรับผู้โดยสาร ซึ่งสามารถรองรับได้สูงสุด 2,000 คน แต่หากมีไฟล์ทบินเข้ามาพร้อมกันเป็นจำนวนมาก อาจมีผู้โดยสารสูงถึง 5,000-6,000 คน ทำให้การระบายผู้โดยสารล่าช้าเกิดปัญหาแถวยาวเหมือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ สตม.ได้แก้ปัญหาโดยการปรับลดขั้นตอนการตรวจลง เช่น ยกเลิกการเขียนเที่ยวบินและลงนามในตราประทับ ยกเลิกการ Scan Boarding Pass โดยเป็นการ Pop Up อัตโนมัติจากระบบ APPS ยกเลิกการประทับตราคนต่างชาติที่ใช้ Auto Channel ขาออก และการยกเลิก Scan Boarding Pass ที่ช่องตรวจ Auto Channel ที่ขาเข้า และ ขาออก เป็นต้น เชื่อมั่นว่าการปฏิบัติงานของ ตม. เป็นไปตามมาตรฐานสากล และจะสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างแน่นอน

นอกจากนี้แล้ว ยังได้สั่งการให้ ตม.ทั่วประเทศ ระดมกวาดล้างจับกุมคนต่างด้าว ที่กระทำผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 11-17 ธ.ค.67 อย่างเช่น ความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.ก.การบริหารการทำงานของคนต่างด้าว หรือ พฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายละเมิดต่อกฎหมายอื่นๆ การรวมตัวกันเป็นกลุ่มแก๊ง ตามนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ซึ่งตนมองว่า การรวมตัวกันไปกระทำเรื่องที่ดี เช่นทำบุญ หรือไปท่องเที่ยวไม่ใช่เรื่องผิด แต่การรวมตัวกันแล้วไปก่อความเดือดร้อนรำคาญ หรือเพื่อไปหาเรื่องกับกลุ่มแก๊งอื่น แบบนี้เอาไว้ไม่ได้ ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ล่าสุด ได้สั่งการให้ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร นำกำลังไป X-Ray จุดเสี่ยงที่มีการรวมตัวกัน สามารถจับกุมนาย Aung อายุ 40 ปี สัญชาติเมียนมา ข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ และขอเตือนไปยังคนต่างด้าวที่มีพฤติกรรมในลักษณะนี้ว่าให้เลิกเสีย เพราะต่อจากนี้ไป ตม.จะดำเนินการอย่างจริงจังอย่างต่อเนื่อง โดยการบูรณาการกับทุกภาคส่วน

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#ตม.#ข่าวอาชญากรรมวันนี้