พล.ต.ท.อัคราเดช เปิดปฎิบัติการสะกดรอยจับกุม ทนายตั้มและภรรยา
เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2567 พลตำรวจโทอัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าคดีดังกล่าว ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับให้ตนเข้ามาดูแล ให้ตำรวจสวบสวยด้วยการรัดกุม รอบครอบ โดยที่ที่ผ่านมาตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งจนแน่นหนาก่อนจะออกหมายจับในวันนี้
จากรายการการสืบสวนทราบว่า ทนายตั้มและภรรยามีพฤติการณ์จะหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะอาจรับรู้ว่าตำรวจจะออกหมายจับ เนื่องจากทางตำรวจ ขอหมายจับช่วงเวลา 11:00 น. แต่ทนายตั้มออกจากบ้านย่านตลิ่งชันในเวลา 09:00 น. วันเดียวกัน โดยขับรถมุ่งหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก แต่ตำรวจได้ติดตามจนประสานตำรวจทางหลวงในพื้นที่ช่วยกันสกัดจับก่อนจะหนีออกนอกประเทศ / โดยตำรวจเริ่มสะกดรอย จากสิ่งที่ตำรวจตรวจได้จน พบว่าเริ่มขับออกจากกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลจึงตัดสินใจเข้าจับกุมเนื่องจากสมรรถนะรถตำรวจไม่เทียบเท่ารถที่ทนายตั้มและภรรยาใช้เดินทาง และมีแนวโน้มออกนอกประเทศ หากปล่อยไว้เนิ่นนานอาจจะติดตามได้ยาก
โดยการออกหมายจับในวันนี้ พบว่าตัวทนายตั้มมีการไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จากกรณีเจ๊อ้อยเงินจำนวน 71 ล้าน / เมื่อถามว่าทนายตั้มมีพฤติการณ์อย่างไร บอกว่าตามที่ปรากฏในสื่อ มีการไปปรากฏตัวตามที่ต่างๆ
เมื่อถามขนาดจับกุมทนายตั้มมีท่าทีอย่างไร ผู้ช่วยผู้จัดการตำรวจแห่งชาติ ระบุทนายตั้มจำนวนต่อหลักฐาน ส่วนที่อ้างว่าจะไปปฎิบัติธรรมก็เป็นคำให้การของผู้ต้องหาที่มีสิทธิ์จะพูด
พร้อมทิ้งท้ายว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้รู้กฎหมายและอาจรู้จักผู้ใหญ่ระดับสูงจะมีผลต่อคดีหรือไม่ ผู้ช่วยผู้ว่าการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”