“ผบ.ต่าย” มั่นใจตำรวจทำเต็มที่แล้วคดีตากใบ วอนอย่านำแค่ 1 คดีมาชี้วัดการตำรวจทำงานล้มเหลว
เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีคดีตากใบที่หมดอายุความไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 โดยในท้ายสุดตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับ 14 รายได้ ว่า เรื่องนี้ต้องแยกส่วนระหว่างคดีความและการติดตามตัวผู้ต้องหา ซึ่งคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2547 แต่ระหว่างนั้นมีทั้งกระบวนการเยียวยา การร้องทุกข์กล่าวโทษ ต้องย้อนดูว่าเกิดขึ้นเมื่อไรภายในอายุความ ซึ่งการร้องทุกข์กล่าวโทษมี 2 แบบ ร้องทุกข์กล่าวโทษโดยประชาชนและร้องทุกข์กล่าวโทษโดยตำรวจเองและอัยการสั่งฟ้อง จนกระทั่งเกิดการออกหมายจับ ซึ่งในคดีนี้มีการออกหมายจับเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ตำรวจมีเวลาประมาณ 40 วันในการตรวจค้นและติดตามจับกุม ซึ่งได้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาไปว่าเมื่อมีเวลาเพียงเท่านี้ เราต้องเข้มข้นการทำงาน ทางตำรวจติดตามตรวจค้นได้ 52 จุด และเฝ้าสืบกว่า 200 ครั้ง ตนเองอยากให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของตำรวจ
ผบ.ตร. กล่าวว่า ส่วนที่ศาลเพิ่งออกหมายจับเมื่อ 12 กันยายน 2567 ต้องย้อนดูที่กระบวนการร้องทุกข์กล่าวโทษ จนนำมาสู่หมายจับ ตนจึงอยากให้เข้าใจตำรวจด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการออกหมายจับ ตำรวจไม่ได้นิ่งเฉยเราสั่งทุกภาคส่วน รวมทั้งประสานกองการต่างประเทศ อินเตอร์โพล ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ผู้ต้องหาอยู่ภูมิลำเนาใด พักที่ใด ตำรวจก็ไปตาม เหมือนแมวไล่จับหนู ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ใต้บังคับบัญชามีความพยายามอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เปรียบเทียบการจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีไปต่างประเทศ เช่น คดีแป้งนาโหนด ที่ท้ายสุดสามารถจับกุมตัวได้ ผบ.ตร. กล่าวว่า มีหลายตัวอย่างที่ทั้งจับได้และจับไม่ได้ อย่างที่บอกความยากง่ายมันต่างกัน พร้อมย้ำเราใช้ความพยายามอย่างสูงสุดที่จะไล่จับกุมพวกนี้ให้ได้
เมื่อถามว่าส่วนจะเกิดข้อครหาหรือไม่ เพราะบางคนปรากฎตัวในวันรุ่งขึ้นหลังหมดอายุความ ทั้งทีก่อนหน้านี้ไม่สามารถติจตามจับกุมได้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า การหนีกับการตามแตกต่างกัน แต่ตำรวจเราทำงานไม่หยุดอยู่แล้ว แต่คนหนีอาจทราบความเคลื่อนไหวของตำรวจ แต่พอคดีหมดอายุความแล้วตัวเขาออกมา ตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะการดำเนินคดีเป็นที่สิ้นสุดแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำมั่นใจหรือไม่ว่าตำรวจทำเต็มที่แล้ว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวทันทีว่า “ผมมั่นใจ ผมมั่นใจ ผมตอบเลยว่าผมมั่นใจ”