”ผู้บัญชาการ นัยวัฒน์“สั่งจัดหนักเอาผิด บิ๊กไบค์ แก๊งค์บัลลังก์น้ำแข็ง โชว์เก๋ายกล้อ หน้าอุโมงค์หัวหิน แล้วโพสน์โชว์สื่อ
ตั้งข้อหาหนักขับขี่รถประมาทหวาดเสียว สั่งยึดรถ นำตัวฟ้องศาล หลังพบหลักฐานจากกล้องภาพชัดมัดแน่น
เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2567 ที่กองบัญชาตำรวจภูธรภาค 7 (บช.ภ.7) พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก สภ.ชะอำ จากรณีที่ปรากฎในข่าวสื่อสังคมออนไลน์โทรทัศน์ของเวิร์คพอยท์ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 กรณีมีกลุ่มรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขับขี่รถจักรยานยนต์ในลักษณะประมาทหวาดเสียว(ยกล้อหน้า) บนถนนเพชรเกษม บริเวณอุโมงค์สนามบินเขตติดต่อหัวหิน ตามที่ปรากฏตามสื่อ โดยเนื้อหาข่าว แจ้งว่าเป็นการก่อเหตุเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2567เวลาประมาณ 21.00 น. โดยเป็นการกระทำของกลุ่ม “ บัลลังก์น้ำแข็ง ” ซึ่งเป็นกลุ่มอยู่ที่ จว.ราชบุรี
กรณีดังกล่าวตนได้สั่งการกำชับให้ตรวจสอบพบและทราบข่าวจากสื่อดังกล่าว ได้ดำเนินการสืบสวนเพื่อเร่งรัดให้นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย จนทราบว่ากลุ่มดังกล่าว มีเพจเฟซบุ๊ค ชื่อ ” BearBike CorpOrate (บัลลังก์น้ำแข็ง) ” เชื่อว่ามี นายยศภัทร หรือ เฟิส สมบัติที อายุ 32 ปี อยู่ที่ 99/11 ถ.พหลโยธิน ต.ปากเพรียว อ.เมือง จว.สระบุรี เป็นหัวหน้ากลุ่ม สืบสวนต่อจนทราบว่า นายยศภัทรฯ มีอาชีพพนักงานบริษัทเอสพีเอ็มอาหารสัตว์ จว.ราชบุรี และภรรยามีธุรกิจทำโรงน้ำแข็งอยู่ในพื้นที่ ต.ดอนตะโก อ.เมือง จว.ราชบุรี จนกระทั่งสามารถนัดหมายและพบตัว นายยศภัทรฯ ได้
โดยเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 พ.ต.ท.จักรพัฒน์ จันทร์เที่ยง รอง ผกก.ป.สภ.ชะอำ และ พ.ต.ท.สยุมภู สิทธิกุล สว.สส.สภ.ชะอำ ได้นัดหมายและเดินทางไปพบตัว นายยศภัทรฯ ที่พื้นที่ อ.ปากท่อ จว.ราชบุรี เพื่อหาข้อมูลและพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมาย จนทราบว่า กลุ่มดังกล่าวชื่อกลุ่ม “ บัลลังค์น้ำแข็ง ” มีนายยศภัทรฯ เป็นหัวหน้ากลุ่ม มีสมาชิกในกลุ่มประมาณ 20-30 คน มีเพจเฟชบุ๊คของกลุ่มชื่อ ” BearBike CorpOrate ” โดยกลุ่มนี้ได้แยกตัวออกมาจากกลุ่มเดิมคือกลุ่ม “สายบันเทิง โซนราชบุรี ” เนื่องจากมีความขัดแย้งกันเรื่องตัวบุคคลภายในกลุ่ม
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ยังได้เปิดเผยอีกว่า กลุ่มดังกล่าวจะมีการนัดหมายสมาชิกภายในกลุ่ม โดยวิธีการนัดหมายผ่านทางเพจเฟซบุ๊ค ของกลุ่ม จะนัดหมายกันประมาณเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อออกทริปเพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อนต่างจังหวัด โดยรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ โดยในครั้งนี้ได้นัดหมายรวมตัวกันที่ อ.หัวหินจว.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 1 กันยายน 2567 ที่อุทยานราชภักดิ์ เวลา 15.00 น. การเดินทางมาของกลุ่มส่วนใหญ่จะเดินทางมาจาก จว.ราชบุรี ในช่วงค่ำของวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ประมาณ 10 กว่าคัน และมีการนัดหมายเพิ่มเติมกันว่าจะแวะถ่ายรูปกันที่อุโมงค์สนามบินหัวหิน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.ชะอำ ก่อนออกทริป จากนั้นจะเข้าไปพบปะสังสรรค์ และพักผ่อนที่พูลวิลล่า และโรงแรมในพื้นที่ อ.หัวหิน
พร้อมทั้งยังตรวจพบหลักฐาน ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวในพื้นที่อุโมงค์สนามบิน ข้อเท็จจริงเป็นภาพเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 23.00 น. (ตามสื่อแจ้งว่าเป็นวันที่ 1 ก.ย. 57 เวลา21.00 น.) ระหว่างที่มีการรวมกลุ่มเพื่อถ่ายรูปได้มีนายดัง ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์เข้ามาในอุโมงค์และยกล้อจำนวน 1 รอบ ภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏ เป็นภาพที่สมาชิกในกลุ่มถ่ายไว้ โดยไม่มีการรู้เห็นหรือสนับสนุนการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด ในเบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อสกุลจริงนายดัง ทราบเพียงว่ามีการติดต่อและพูดคุยกันผ่านทางข้อความ แมสเซนเจอร์ ซึ่งในภายหลังในดังได้มีการปิดเฟซบุ๊ค ของตนเองแล้ว นายดังมาร่วมขับขี่และออกทริปกับกลุ่มประมาณ ๓ ครั้ง โดยนายดัง ยังคงอยู่ในกลุ่ม “ สายบันเทิง โซนราชบุรี ” อีกกลุ่มหนึ่งด้วย ตามที่เรียนข้างต้นว่าเป็นกลุ่มเดิมก่อนแยกกลุ่มออกมาเรื่องความขัดแย้งกันเรื่องตัวบุคคล
จากสืบสวนทราบยังพบว่าก่อนมีการลงข่าวในสื่อสำนักหนึ่งได้มีการโพสต์ภาพเคลื่อนไหวในกลุ่มเพจเฟซบุ๊ค “ หมาขับรถ ” เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 เชื่อว่าเป็นภาพที่ได้มาจากการโพสต์ของสมาชิกในกลุ่ม บัลลังค์น้ำแข็ง ซึ่งโพสต์ในสตอรี่เฟซบุ๊คของตนเองที่ถ่ายเก็บไว้ในวันเวลาที่เกิดเหตุ ซึ่งมีผู้พบเห็นและนำไปโพสต์ในกลุ่มดังกล่าว รวมถึงการให้ข้อมูลรายละเอียดของกลุ่ม วันเวลาที่อ้างว่าเกิดเหตุ รวมถึงภาพเคลื่อนไหวการยกล้อในสถานที่อื่น ที่ปรากฎข้อมูลตามข่าวสื่อช่องดังกล่าว น่าจะมาจากบุคคลอื่นหรือกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มบัลลังค์น้ำแข็ง
โดยกลุ่มนี้ได้มีการนัดหมายนายยศภัทรฯ หัวหน้ากลุ่ม บุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุ รวมถึงให้มีการนัดตัวนายดัง (ผู้ขับขี่รถยกล้อ) มาพบพนักงานสอบสวนในวันดังกล่าว (9 ก.ย. 67 ) เวลา 20.00 น. โดยนายยศภัทรฯ แจ้งว่าได้พูดคุยกับนายดัง แล้วทางแมสเซนเจอร์ นายดัง รับปากว่าจะมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการขับขี่
ต่อมาเมื่อวันเวลาที่นัดหมายที่ (9 ก.ย. 67 เวลา 20.00 น.) สภ.ชะอำ นายยศภัทรฯ ได้มาพบ พ.ต.ท.จักรพัฒน์ฯ และพนักงานสอบสวน พร้อมพวกในกลุ่มที่สามารถติดตามตัวมาได้ในวันนั้นรวม 11 คน (เป็นผู้ขับขี่รถจักยานยนต์บิ๊กไบค์ จำนวน ๖ คน ที่เหลือเป็นผู้ซ้อนท้ายมา) ในส่วนที่เหลือได้แจ้งว่าจะมาประสานมาให้ครบ เนื่องจากบางคนทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัด หากแต่นายดัง ผู้ขับขี่รถยกล้อไม่มาพบแต่อย่างใด และได้ปิดเฟซบุ๊คของตนเองแล้ว ได้ประสานข้อมูลและร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี ตามข้อมูลเบื้องต้นที่ได้มา จนสืบทราบชื่อนายดังว่า นายศรัณยู บุญชุ่ม อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/5 หมู่ที่ 3 จ.จอมปลวก อ.บางคนที จว.สมุทรสงคราม และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในวันเกิดเหตุ คือรถจักรยานยนต์ ทะเบียน 4ขร -4966 กรุงเทพมหานคร
ตนได้สั่งกำชับให้ดำเนินการสอบสวนจนได้ข้อเท็จจริงตามที่เรียนรายงานข้างต้น ประกอบกับการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏ เชื่อว่าการกระทำดังกล่าว (ยกล้อ) เป็นการกระทำของนายศรัณยูฯ หรือ นายดัง โดยไม่มีการสนับสนุนหรือหรือรู้เห็นเป็นใจเรื่องการกระทำความผิดของนายดัง หากแต่นายยศภัทรฯ และพวกในกลุ่มที่ปรากฏตามภาพถ่าย ได้กระทำความผิดฐาน “จอดรถในเขตห้ามจอด” ซึ่งนายยศภัทรฯ กับพวก ได้ยอมรับผิดและสารภาพในความผิดที่ได้กระทำไป และให้คำมั่นว่าจะไม่กระทำการในลักษณะดังกล่าวอีกในพื้นที่ใดๆ ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย โดยได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก เป็นจำนวนเงินคนละ 500 บาท ตามอัตราค่าปรับสูงสุดของฐานความผิดดังกล่าว ประกอบด้วย
1.นายยศภัทร หรือ เฟิส สมบัติที อายุ 32.ปี อยู่ที่ 98/11 ถ.พหลโยธิน ต.ปากเพรียว อ.เมือง จว.สระบุรี ปัจจุบันพักอาศัยอยู่จริงที่บ้านเลขที่ 179/13 ถ.สมบูรณ์กุล ต.ดอนตะโก อ.เมือง จว.ราชบุรี
2.นายเอกรัตน์ หรือโอม บุญนาค อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 6 ต.นาเฉลียง อ.หนองไผ่ จว.เพชรบูรณ์ ปัจจุบันพักอาศัยอยู่จริงที่บ้านเลขที่ 91 หมู่ที่ 6 ต.หนองชุมพล อ.เขาย้อย จว.เพชรบุรี อาชีพพนักงานบริษัทรัตนาพัฒนากิจ จว.เพชรบุรี
3.นายสุขสันต์ หรือ ดาม บุญเพิ่ม อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 หมู่ที่ 1 ต.ยางใหญ่ อ.น้ำยืน จว.อุบลราชธานี ปัจจุบันพักอาศัยอยู่จริงที่บ้านเลขที่ 8/175 ต.หนองแก อ.หัวหิน จว.ประจวบคีรีขันธ์ อาชีพรับจ้าง โทร
4.นายสกัณ หรือ กัน แดงน้อย อายุ ๒๖ ปี อยู่บ้านเลขที่ 129 หมู่ที่ 1 ต.บ่อกระดาน อ.ปากท่อ จว.ราชบุรี อาชีพพนักงานบริษัทเอสพีเอ็มอาหารสัตว์ จว.ราชบุรี
5.นายทรงกรด หรือ เบนซ์ เทียนไชย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ที่ 3 ต.บ้านปราโมทย์ อ.บางคนที จว.สมุทรสงคราม อาชีพค้าขายน้ำมะพร้าว
6.นายภูวดล หรือ หมู ศรีสุข) อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ที่ 2 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จว.ประจวบคีรีขันธ์ อาชีพธุรกิจส่วนตัว
โดนพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการออกหมายเรียก นายศรัณยูฯ ในฐานะผู้ต้องหา โดยกล่าวหาว่า “ ขับขี่ในลักษณะผิดปกติวิสัยของการขับขี่รถตามปกติ หรือไม่อาจมองเห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านใดด้านหนึ่ง หรือทั้งสองด้านได้พอแก่ความปลอดภัย , ขับขี่รถโดยประมาทหรือหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ” ได้ประสาน สภ.บางคนที ซี่งเป็นถิ่นที่อยู่ตามภูมิลำเนาของนายศรัณยูฯ ในการส่งหมายเรียกผู้ต้องหา
จนกระทั่งวันนี้ 11 ก.ย. 67 เวลาประมาณ 12.30 น. นายศรัณยูฯ ได้มาพบ พ.ต.ท.จักรพัฒน์ฯ และพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ได้ดำเนินการสอบปากคำเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ได้ข้อเท็จจริงว่า นายศรัณยูฯ ได้ขับขี่รถยกล้อจริงตามวันเวลาที่เกิดเหตุ โดยเป็นการกระทำด้วยความคึกคะนองของตนเอง ขณะขับขี่รถเข้ามาในอุโมงค์ในขณะที่พวกในกลุ่มกำลังจอดรถถ่ายภาพอยู่ โดยขับขี่ยกล้อจาก ทางเข้าอุโมงค์สนามบิน ฝั่งขาเข้าหัวหิน ขาล่องใต้)จนสุดอุโมงค์สนามบิน จำนวน 1 รอบ โดยไม่มีผู้ใดรู้เห็นหรือทราบการกระทำดังกล่าวของตนเอง ว่าจะขับขี่ยกล้อ และยอมรับว่าตนเองได้กระทำการดังกล่าวด้วยตนเองเพียงลำพังมาหลายครั้งแล้ว ในหลายสถานที่ เพียงแต่ไม่มีผู้ใดแจ้งและมีผู้พบเห็น และ ได้มาร่วมทริปกับกลุ่มบัลลังค์น้ำแข็ง จำนวน 3 ครั้ง โดยทราบข่าวและการนัดหมายจากเพจเฟสบุ๊คของกลุ่ม โดยตนอยู่ในกลุ่มบิ๊กไบค์ ๒ กลุ่ม คือกลุ่ม บัลลังค์น้ำแข็ง และ กลุ่มสายบันเทิง โซนราชบุรี
ผู้ถูกล่าวหาให้การรับสารภาพตามฐานความผิดข้างต้น ยินยอมให้ยึดรถจักรยานยนต์ไว้เป็นของกลางในคดี และเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย โดยให้คำมั่นว่าจะไม่กระทำการดังกล่าวอีก ในพื้นที่สาธารณะ และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
นายยศภัทรฯ หัวหน้ากลุ่มบัลลังค์น้ำแข็ง กับพวกที่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สำนึกถึงการกระทำของตน และจะประสานเรียกพวกที่เหลือทั้งหมดมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมจะให้ความร่วมมือและให้ข้อมูลอื่นฯ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอันเป็นประโยชน์ในส่วนของการป้องกันและปราบปราบการแข่งรถในทาง และการขับขี่รถสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
พนักงานสอบสวน จึงเรียนรายงานมาเพื่อให้ตนทราบตามข้อมูลข้อเท็จจริงที่ปรากฏข้างต้น ทั้งนี้จะดำเนินคดีกับตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องในส่วนที่เหลือให้ครบตัวบุคคลต่อไป ส่วนผลการดำเนินดดีในชั้นศาลในส่วนของ นายศรัณยูฯ เป็นประการใด จะได้นำเรียนให้ทราบโดยด่วนต่อไป ”ผบช.ภ.7 กล่าว“