“มะลิอ่อง”กล้วยน้ำว้าศักยภาพสูงสร้างรายได้เกษตรกร

1322

“มะลิอ่อง”กล้วยน้ำว้าศักยภาพสูงสร้างรายได้เกษตรกร

กล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง จ.พิษณุโลก สินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ ทดแทนการผลิตข้าวนาปีในพื้นที่ไม่เหมาะสม สร้างรายได้เกษตรกร

นางธัญญ์พิชชา เถระรัชชานนท์ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 พิษณุโลก (สศท.2) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า “กล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง”นับเป็นพืชเศรษฐกิจของจ.พิษณุโลก หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จึงส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นพืชที่มีโอกาสทางตลาด และมีความต้องการในอุตสาหกรรมการแปรรูป(กล้วยตาก) โดยกล้วยน้ำว้าสดที่ใช้เป็นวัตถุดิบมีทั้งในตัวจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง (สุโขทัย อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร และ ตาก) ซึ่งกล้วยตากบางกระทุ่มเป็นสินค้า GI และเป็นของฝากที่คนมาเยือนพิษณุโลกเมืองสองแควจะต้องซื้อ โดยเฉพาะการมานมัสการหลวงพ่อพระพุทธชินราช ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) จึงนับได้ว่ากล้วยตากเป็น Signature ของจังหวัด ทั้งนี้ สศท.2 ได้ศึกษาแนวทางการพัฒนาสินค้ากล้วยน้ำว้า ทดแทนการผลิตข้าวนาปีในพื้นที่ไม่เหมาะสมจ.พิษณุโลก ตามโครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) และจัดทำแนวทางพัฒนาสินค้ากล้วยน้ำว้าเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกผลิตให้กับเกษตรกรในพื้นที่

จากการศึกษาของ สศท.2 พบในปี 66 จ.พิษณุโลก มีพื้นที่ปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องรวม 10,189 ไร่ เกษตรกรผู้ปลูก 2,514 ราย ได้ผลผลิตรวม 10,228 ตัน/ปี แหล่งผลิตส่วนใหญ่อยู่ที่อ.บางระกำ บางกระทุ่ม และวังทอง ส่วนใหญ่เกษตรกรจะใช้น้ำฝนในการดูแลบางรายมีแหล่งน้ำเสริมในช่วงฤดูแล้ง และจากการเก็บรวบรวมข้อมูลของเกษตรกรรายย่อยกลุ่มตัวอย่างที่ปลูกกล้วยน้ำว้าประมาณ 15 – 17 ปี ในพื้นที่ 40 ราย พบมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 4,985 บาท/ไร่/ปี ระยะเวลาการปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว 10 – 12 เดือน ให้ผลผลิต 1,097 กิโลกรัม/ไร่/ปี ได้รับผลตอบแทน 10,849 บาท/ไร่/ปี กำไร 5,864 บาท/ไร่/ปี ซึ่งหากเทียบกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีในพื้นที่ไม่เหมาะสมตามแผนที่ Agri Map ในปี 66 เกษตรกรได้ผลตอบแทนเฉลี่ยสุทธิ (กำไร)เพียง 791 บาท/ไร่/ปี
ราคากล้วยน้ำว้าเดือนส.ค.67 เฉลี่ยอยู่ที่ 15 บาท/กิโลกรัม หรือ 22 บาท/หวี (น้ำหนักต่อหวี 1.4 กิโลกรัม) ราคาเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปี 67 กิโลกรัมละ 5 บาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงเดือนเม.ย.67 ส่งผลให้ต้นกล้วยไม่สมบูรณ์การติดผลลดลง ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ขณะที่ยิ่งมีผลผลิตน้อยความต้องการก็จะยิ่งมากขึ้น จึงส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งผลผลิตส่วนใหญ่ ร้อยละ 60 จำหน่ายให้กับโรงงานแปรรูป ผู้ประกอบการรายย่อย และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผลผลิตร้อยละ 39 จำหน่ายให้กับพ่อค้ารวบรวมทั้งในและต่างจังหวัด และตลาดขายส่งผลไม้ในจังหวัด 1 % ที่เหลือจำหน่ายในตลาดนัด/ร้านค้าชุมชน จำหน่ายผ่านพ่อค้ารวบรวมทั้งในและต่างจังหวัด และตลาดขายส่งผลไม้ในจังหวัด

ทั้งนี้ ภายในปี 67 เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนการผลิตจากข้าวนาปีในพื้นที่ไม่เหมาะสมตามแผนที่ Agri Map เป็นกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องในพื้นที่อ.เนินมะปราง วังทอง และนครไทย เพิ่มขึ้นอีก 1,838 ไร่ จากการส่งเสริมและผลักดันของกระทรวงเกษตรฯ โดยสำนักงานเกษตรจ.พิษณุโลก ส่งผลให้เกษตรกรในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถผลิตสินค้าตรงกับความต้องการของตลาด อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษาดังกล่าว สศท.2 ได้มีข้อเสนอแนะแนวทางพัฒนาสินค้ากล้วยน้ำว้า จ.พิษณุโลกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขี้น อาทิ ส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกร การพัฒนาแหล่งน้ำ ส่งเสริมการปลูกกล้วยน้ำว้าเชิงการค้าเพื่อให้ปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของตลาด เสริมสร้างองค์ความรู้การดูแลรักษาการป้องกันกำจัดโรคตายพราย และการบริหารจัดการแปลงที่เหมาะสม ส่งเสริมการปลูกตามศักยภาพความเหมาะสมของพื้นที่แบบปราณีต และจัดทำแปลงสาธิตต้นแบบ สนับสนุนระบบประกันภัยพืชผลโดยเกษตรกรมีส่วนร่วมชำระเบี้ยประกัน ส่งเสริมให้มีจุดรวบรวมผลผลิต ในพื้นที่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรที่ปลูกหัวไร่ปลายนา ส่งเสริมการรวมกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์หลากหลาย และการขึ้นทะเบียน GI การสร้าง Story สินค้า และระบบตรวจสอบย้อนกลับแหล่งผลิต รวมทั้งสนับสนุนการจัดทำฉลากแสดงสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการเพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้บริโภค จากแนวทางพัฒนาดังกล่าว สศท.2 ได้จัดทำร่างข้อเสนอโครงการเชิงบูรณาการ เพื่อให้หน่วยงานระดับพื้นที่ใช้ยื่นเสนอขอรับการสนับสนุนงบพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดต่อไป ทั้งนี้ หากท่านใดสนใจข้อมูลผลการศึกษาเชิงลึก สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.2 โทร 0 5532 2650 และ 0 5532 2658 หรืออีเมล์ zone2@oae.go.th

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#กล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง