โชว์ผลสำเร็จจัดการด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วงแบบผสมผสาน

203

โชว์ผลสำเร็จจัดการด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วงแบบผสมผสาน

นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการติดตามผลการจัดการ”ด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วง”แบบผสมผสาน ภายใต้โครงการส่งเสริมการใช้สารชีวภัณฑ์และแมลงศัตรูธรรมชาติทดแทนสารเคมีทางการเกษตร มีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นเจ้าภาพ ซึ่งด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วง ถือเป็นศัตรูพืชสำคัญ ที่ทำลายภายในเมล็ดของผลมะม่วง โดยในช่วงระหว่างปี 61 – 66 พบด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วง ในมะม่วงไทยที่ส่งออกไปยังสาธารณรัฐเกาหลี จากพื้นที่ผลิต 8 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ ลำพูน กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ฉะเชิงเทรา พิษณุโลก พิจิตร และกำแพงเพชร ส่งผลทำให้มะม่วงถูกสั่งทำลายทิ้ง สร้างความเสียหายให้ผู้ประกอบการส่งออก และเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงของไทย เนื่องจากถูกระงับการนำเข้า มีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ดังนั้น ในปี 67 กรมส่งเสริมการเกษตร จึงจัดทำแปลงเรียนรู้การจัดการด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วงแบบผสมผสาน ร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่ระบาด เพื่อให้ได้เรียนรู้และสามารถกำหนดรูปแบบการจัดการด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วงแบบผสมผสานที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่

จากการลงพื้นที่โดยศูนย์ประเมินผล ตามโครงการส่งเสริมการใช้สารชีวภัณฑ์และแมลงศัตรูธรรมชาติทดแทนสารเคมีทางการเกษตร สศก. ในจ.เชียงใหม่ ลำพูน กาฬสินธุ์ และชัยภูมิ ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอ ได้คัดเลือกแปลงปลูกมะม่วงที่พบการระบาดของด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วง จังหวัดละ 1 แปลง และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงส่งออกที่มีความพร้อมในการเข้าร่วมกิจกรรม โดยจัดทำแปลงเรียนรู้การจัดการด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วงแบบผสมผสาน ได้แก่ การใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและปลอดภัย การใช้พลาสติกสีเหลืองหรือฟิล์มยืดพันพาเลทพันรอบโคนต้นแล้วทาด้วยกาวเหนียวดักแมลง เพื่อป้องกันด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วงขึ้นไปผสมพันธุ์ที่ช่อดอก และการใช้สารชีวภัณฑ์ (เชื้อราเมตาไรเซียม) อัตราส่วน 500 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ต่อมะม่วง 10 ต้น ความถี่ 15 วันต่อครั้ง ในระยะติดผลอ่อน (หลังจากช่อดอกโรย) จนถึงมะม่วงเข้าไคล (เข้ากะลา) เพื่อกำจัดด้วงงวงเจาะเมล็ดวางไข่ในดิน การใช้ถังพลาสติกสีดำแขวนด้วยฟีโรโมนล่อด้วง และการใช้สารสกัดสะเดาฉีดพ่นในอัตราส่วน 100 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ความถี่ 7 วันต่อครั้ง และการห่อผลมะม่วงด้วยถุงคาร์บอน
หลังเข้าร่วมโครงการ พบปริมาณการใช้สารเคมีกำจัดและป้องกันด้วงงวงเจาะลดลง เหลือเฉลี่ย 1.39 ลิตรต่อไร่ จากก่อนที่ใช้สารเคมีเฉลี่ย 1.93 ลิตรต่อไร่ สำหรับค่าใช้จ่ายในการกำจัดและป้องกันด้วงงวงเจาะลดลง เกษตรกรมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 901 บาทต่อไร่ จากที่เคยใช้ 1,258 บาทต่อไร่ ซึ่งเป็นผลมาจากการนำสารสกัดสะเดาและสารชีวภัณฑ์ที่ได้รับการสนับสนุน มาใช้ในแปลงของตนเอง ร่วมกับการใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างถูกต้องและปลอดภัย ส่วนผลผลิตหลังเข้าร่วมโครงการฯมีคุณภาพ ความเสียหายจากการทำลายของด้วงงวงเจาะลดลง เหลือ 633.51 กิโลกรัมต่อไร่ จากปีก่อน 1,477.16 กิโลกรัมต่อไร่ ลดลงร้อยละ 57 เนื่องจากเกษตรกรมีการจัดการด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วงแบบผสมผสานอย่างเป็นระบบตลอดฤดูการผลิต ทำให้ไม่พบการระบาดของด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วง เป็นผลให้มะม่วงมีคุณภาพดีขึ้น จำหน่ายได้ราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 55 และกลุ่มเกษตรกรมีการขยายแหล่งจำหน่ายผลผลิตจากโรงรับซื้อมะม่วง (ล้งมะม่วง) และตลาดกลางค้าส่งขนาดใหญ่ สู่โรงงานแปรรูปผลไม้ และส่งออกผลผลิตไปยังประเทศญี่ปุ่น มาเลเซีย ฮ่องกง จีน และตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ ภาพรวมเกษตรกรมีความพึงพอใจมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมการใช้สารชีวภัณฑ์และแมลงศัตรูธรรมชาติทดแทนสารเคมีทางการเกษตรในระยะต่อไป นอกจากการจัดทำแปลงเรียนรู้ และการสนับสนุนปัจจัยควบคุมศัตรูพืชแล้ว ควรขยายกลุ่มเป้าหมายการจัดการด้วงงวงเจาะเมล็ดมะม่วงแบบผสมผสานให้ครอบคลุมพื้นที่ระบาดอื่น ๆ ร่วมกับการส่งเสริมการตรวจรับรองมาตรฐาน GAP เพื่อลดปัญหาด้วงงวงเจาะกับมะม่วงที่ส่งออกไปยังปลายทาง หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการตรวจรับรองมาตรฐานให้เข้มงวดขึ้น เป็นต้น สำหรับเกษตรกรที่พบการระบาด สามารถติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัด และศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านการอารักขาพืช 9 ศูนย์ใกล้บ้านท่าน หรือติดต่อมายังกองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย กรมส่งเสริมการเกษตร โทร 0 2940 6190.

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์