ธุรกิจเมืองไทยอาการน่าห่วง ทุนจีนรุกหนัก – ต่างด้าวยึดตลาดนัด ชี้เหตุกฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์

6688

        พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคก้าวไกลตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี บรรดานักวิจารณ์การเมืองต่างวิเคราะห์ไปในหลายทิศทาง โดยผูกโยงกับเหตุการณ์ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในวันที่ 14 สิงหาคม ว่าจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองหรือไม่ คงต้องติดตาม สื่อทุกสำนักต่างให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

        แต่”จอมมารน้อย”ของดที่จะแสดงความคิดเห็นเพราะตั้งใจที่จะเขียนถึงข่าวที่แชร์กันค่อยข้างถี่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นคือข่าวกลุ่มทุนจีนรุกคืบเข้าทำธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงข่าวเล็กๆเกี่ยวแรงงานต่างด้าวยึดแผงขายของในตลาดนัดที่กระจายอยู่ทั่วเมืองไทย ข่าวที่แชร์เป็นความเห็นของนักวิชาการหลายสำนักแสดงความเป็นห่วงว่าหากรัฐบาลนิ่งเฉยไม่มีมาตรการป้องกันธุรกิจไทยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์จะเปลี่ยนมือไปเป็นของจีนภายในเวลาไม่เกิน 5 ปี

        หากได้ติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับรุกคืบของจีนจะพบว่ากระจายไปเกือบทุกพื้นที่ในหัวเมืองใหญ่ๆไม่ว่าจะเป็น นครราชสีมา เชียงใหม่ สงขลา ขอนแก่นและกรุงเทพฯเป็นต้น สร้างความเดือดร้อนให้กับนักธุรกิจรายย่อย รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อมาขายไป อาทิ แม่ค้าย่านสำเพ็งบอกว่าขายของอยู่สำเพ็งกว่า 40 ปี ปัจจุบันกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นร้านค้าทุนจีนยึดครองขายสินค้าจีน คนขายมาจากประเทศจีน นิยมรับเงินสด เน้นขนเงินกลับจีน ไม่ได้นำเงินมาหมุนเวียนในประเทศไทย

          ขณะเดียวกันมีกลุ่มธุรกิจจีนบางกลุ่มขึ้นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่มีบริการเกี่ยวกับสัญชาติที่จะเข้าไปทำธุรกิจในประเทศต่างๆกลางสี่แยกใหญ่กลางเมืองหลวง พอปรากฏเป็นข่าวจะได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่รัฐว่าไม่ทราบขอไปตรวจสอบก่อน หรือกรณีขึ้นป้ายภาษาจีนพร้อมรูปโรงงานที่กำลังจะก่อสร้างในพื้นที่หมู่ 11 ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)บอกว่ายังไม่ทราบเรื่องขอตรวจสอบก่อน ขณะที่นายกอบต.บอกว่าเจ้าของป้ายน่าจะเป็นนายทุนจีนคิดจะทำอะไรก็ทำ มีรายงานว่ารื้อถอนป้ายไปแล้ว แต่จะต้องตรวจสอบหาที่มา

         ที่ยกมาเพื่อสะท้อนว่ากลุ่มนักธุรกิจจีน ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายไทยแต่อย่างใด ทั้งนี้อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาได้ติดต่อจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงแล้วก็เป็นได้ หรือกรณีที่รัฐบาลประกาศให้พื้นที่ทางภาคตะวันออกเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศทำให้เกิดการจ้างแรงงานไทยเพิ่มมากขึ้น แต่พอมองลงในเนื้องานกลับพบว่าไม่ได้เป็นไปตามที่รัฐบาลคาดการณ์

      ผู้จัดการนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในชลบุรีเล่าว่าพอรัฐบาลเปิดพื้นที่เขตเศรษฐกิจ กลุ่มทุนจีนไหลทะลักเข้ามาตั้งโรงงานกันเป็นจำนวนมากมีการซื้อหรือเช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆดำเนินการก่อสร้างโรงงาน อุปการณ์การก่อสร้าง เครื่องจักรและแรงงานล้วนแต่นำเข้าจากประเทศจีนแทบทั้งสิ้น  

 “กลุ่มนักธุรกิจเหล่านี้ส่วนใหญ่จะวิ่งเข้าหานักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติรวมถึงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เพื่อไว้เป็นเกราะป้องกันเจ้าหน้าที่รัฐจะเข้าไปตรวจสอบว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายไทยหรือไม่ เมื่อสร้างโรงงานเสร็จ จะนำแรงงานในทุกระดับจากจีนเข้าประจำการ โดยไม่มีการจ้างแรงงานไทยแต่อย่างใด”

ผู้จัดการฯระบุแล้ว่าจะจ้างคนไทยเฉพาะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเพราะเป็นอาชีพที่กฎหมายสงวนไว้เฉพาะคนไทย มีหน้าที่ตรวจบริเวณรอบๆโรงงานเท่านั้นส่วนภายในจะเป็นเจ้าหน้าที่นำเข้าจากจีนทั้งสิ้น ประเทศไทยแทบจะไม่ประโยชน์อะไรเลยนอกจากรายได้ที่โรงงานเหล่านี้ซื้อไฟฟ้าและน้ำประปาหรือน้ำบาดาลเท่านั้น

      จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักวิชาการต่างบอกว่าอุตสาหกรรมของไทยหลายประเภทต่างทยอยปิดกิจการเพราะสู้กับทุนจีนไม่ไหว ทุกวันนี้ธุรกิจจีนรุกเข้าไปเกือบทุกวงการไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนส่ง ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อและธุรกิจร้านอาหารเป็นต้น

       อาชีพหรือธุรกิจของคนไทยไม่ได้ถูกรุกยึดเฉพาะคนจีนเท่านั้น บรรดาแรงงานต่างด้าวไม่ว่าจะเป็นพม่า ลาว เวียดนามและกัมพูชา ที่มีหัวการค้ารุกคืบเป็นเจ้าของธุรกิจกันเป็นจำนวนมาก อย่างพื้นที่เมือง สมุทรสาคร ตลาดอาหารทะเลมีพม่าเป็นเจ้าของธุรกิจจำนวนไม่น้อย หรือพื้นที่ตามตลาดนัดหรือตลาดสดใหญ่ ๆเกือบทั่วประเทศถูกแรงงานต่างด้าวยึดแผงค้าเป็นเจ้าของกันจำนวนมากแล้ว

       วิธีการแรงงานจะจ้างให้คนไทยเข้าไปเช่าแผงตามตลาดพอถึงเวลา แรงงานต่างด้าวจะนำสินค้าวางขายเอง แต่จะจ้างคนไทยวันละ 200-300 บาท คอยเฝ้าอยู่ข้างๆเมื่อเจ้าที่รัฐเข้าตรวจสอบจะรับเป็นเจ้าของแทน บางพื้นที่ถ้าแรงงานต่างด้าวเคลียร์ส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ได้จะไม่จ้างคนไทยมารับหน้าแทน

     ทั้งสองกรณีของคนจีนและแรงงานต่างด้าวที่สามารถรุก ยึด ธุรกิจค้าขายของไทยได้ล้วนเกิดจากการบังคับใช้กฎหมายบกพร่อง เจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่มบางจำพวกเกือบทุกระดับหิวเงิน ประกอบคนไทยวัยหนุ่มสาวในปัจจุบันเกียจคร้าน หนักไม่เอาเบาไม่สู้

  ดังนั้นถ้ารัฐบาลยังไม่ตื่นรู้ไม่คิดที่จะหาทางแก้ปัญหาแบบเป็นรูปธรรมและทำกฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่นานเมืองไทยจะตกอยู่ในมือต่างชาติแน่นอน !!!