วีระ ฟ้อง ป.ป.ช.ยกคณะ 12 คน เอาติดคุก ฐานไม่ให้เอกสารทั้ง 3 รายการ

161

วีระ ฟ้อง ป.ป.ช.ยกคณะ 12 คน เอาติดคุก ฐานไม่ให้เอกสารทั้ง 3 รายการ ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด

เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2567 ผู้สื่ิอข่าวรายงานว่า เฟสบุคบุค นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน(คปต.)โพสน์ข้อความ ระบุว่าตนพร้อมทนายความ เดินทางไปยื่นฟ้องคณะกรรมการ ปปช.ทุกคนที่ร่วมกันลงมติไม่ให้เอกสารทั้ง 3 รายการแก่นายวีระ สมความคิด ตามที่สำนักงานข้อมูลข่าวสารของราชการมีคำสั่งบังคับ ปปช. ตั้งแต่ปี 2562

ต่อมาในปี 2564 และปี 2566 ศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาให้ ปปช.ต้องให้เอกสารทั้ง 3 รายการแก่นายวีระอย่างถูกต้องและครบถ้วน แต่คณะกรรมการ ปปช.รวมถึงเลขาธิการ ปปช.ก็ยังบังอาจท้าทายอำนาจศาล ยังไม่ยอมให้เอกสารทั้ง 3 รายการอย่างถูกต้องครบถ้วน จนในที่สุดศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาลงโทษผู้ถูกฟ้องทั้ง 2 คือสำนักงาน ปปช.ตัวแทนสำนักงานที่ถูกฟ้องคือเลขาธิการ ในญานะผู้ถูกฟ้องที่ 1 คณะกรรมการ ปปช.ในฐานะผู้ถูกฟ้องที่ 2 ให้ต้องจ่สยค่าปรับฐานขัดคำสั่งศาลเป็นเงิน 10,000 บาท ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค1 จ.สระบุรี นัดให้ไปฟังคำสั่งในวันที่ 2 ก.ย. 2567 เวลา 13:30 น. อีกไม่นานก็จะรู้ผลคดีว่าคณะกรรมการ ปปช.และเลขาฯปปช.ที่ร่วมกันกระทำคสามผิด จะติดคุกหรือไม่ แล้วติดคุกกันคนละกี่ปี เนื่องจากมีการกระทำความผิดหลายกรรมและโจทก์ได้ขอให้นับโทษต่อเนื่องทั้งหมด ดังนั้นเชื่อว่าผู้ที่กระทำความผิดทั้งหมดต้องไปรับโทษในคุกตอนแก่อย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้เมื้อวันที่ 9 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ประธาน คปต. นายวีระ สมความคิด โพสต์คำสั่งพร้อมข้อความศาลปกครองกลางฉบับวันที่ 2 พ.ค. 2567 ที่มีคำสั่งปรับเงิน ปปช.รายละ 5,000 บาท โดยให้ชำระค่าปรับต่อศาลภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งศาล และระบุด้วยว่าหากไม่ชำระค่าปรับภายในกำหนด ศาลอาจมีคำสั่งให้มีการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของทั้ง 2 ซึ่งเป็น จนท.ของรัฐต่อไป และให้ทั้ง 2 ปฏิบัติคำสั่งของศาลพิพากษาสูงสุด คดีหมายเลขแดง อ224/2566 ที่ให้เปิดเผยรายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน เอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการไตร่สวนคดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กห. จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดจ้อเท็จจริงที่ควรทราบ จากการไม่แสดงว่ามีนาฬิกาข้อมือและแหวนประดับหลายรายการต่อ ปปช.รวมเปิดเผยความคิดเห็นของพนังงานเจ้าหน้าที่ ปปช.ทุกคนที่รับผิดชอบในการไตร่สวนดังกล่าวและรายงานการประชุมคณะกรรมการ ปปช.ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัย การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการรับใช้กฏหมายให้ถูกต้องครบถ้วนแก่นาย วีระ สมความคิด ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่งนี้ ศาลระบุถึงเหตุผลการมีคำสั่งดังกล่าวว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 ไม่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองได้ถูกต้องครบถ้วนและล่าช้าเกินสมควรโดยไม่มีเหตุอันสมควร ศาลปกครองจึงมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 ขำระค่าปรับต่อศาลตามมาตรา 75/4 พรบ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 ประกอบข้อ 4 วรรค 1 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการปรับหน่วยงานทางปกครองหรือ จนท.ของรัฐที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองอย่างถูกต้องครบถ้วนหรือปฏิบัติล่าช้าเกินสมควร 2560

นายวีระกล่าวว่าคำสั่งดังกล่าวส่งมาถึงในช่วงวันพุธที่ 8 พ.ค. 2567 วันที่รอคอยมาถึงแล้ว และหลังจากนี้จะทำการยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริต นำผู้ถูกฟ้องทั้ง 2 ไปรับโทษในคุก คำสั่งศาลคดีดังกล่าวคือหลักฐานที่ยืนยันว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 ได้กระทำความผิดจริงตามที่ได้ยื่นคำร้งขอให้ศาลปกครองรีบบังคับคดีกับผู้ถูกฟ้องทั้ง 2 กรณีผู้ถูกฟ้องทั้ง 2 มีเจตนาท้าทายอำนาจศาลปกครอง ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ทั้งๆที่คดีถึงที่สุดแล้ว ไม่ยอมให้เอกสารที่เกี่ยวกับการตรวจสอบนาฬิกา 22 เรือนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้ง 3 รายการแก่ตน

ต่อมาศาลปกครองกลางต้องเรียกคู่ความทั้ง 2 มาทำการไตร่สวนอีกครั้งในวันที่ 16 ก.พ. 2567 พิสูจศาลปกครองกลางก็มีคำสั่งลงเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2567 โดยระบุว่า ที่ผ่านมาผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองให้ถูกต้องครบถ้วนและล่าช้าเกินสมควร โดยไม่มีเหตุอันสมควร ศาลปกครองกลางจึงมีคำสั่งลงโทษให้ปรับผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 และบังคับผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 ต้องปฏิบัติภายใน 15 วัน ตั้งแต่วันที่นับทราบคำสั่งนี้

คลิ๊กอ่านเฟสบุคดังกล่าวที่นี่

https://www.facebook.com/share/p/xb81BuwPx37Vu7Qg/?mibextid=WC7FNe

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#วีระ#ปปช.#ศาลปกครอง