ที่บช.น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ดร.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1,พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.1, พ.ต.อ.สามารถ พรหมชาติ ผกก.สน.สามเสน โดยมี พ.ต.ท.สิริพงษ์ วรผลึก รอง ผกก.สส.ฯ , พ.ต.ท.ธนพรหม ธนอาภากร สว.สสฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สามเสน ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหา พรากผู้เยาว์ฯ และข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นฯ ได้ตัวผู้ต้องหาคือนายวิษณุ จันทร์ย้อย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/59 ห 21 ถ.ทหาร แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ พร้อมด้วยของกลางโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ทรูรุ่น สมาท 4 จี แม็ก 5.5 จำนวน 1 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ซัมซุง รุ่น กาแล็กซี่ เอ 9 โปร 6 จำนวน 1 เครื่อง, รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น แจ๊ส สีขาว คันหมายเลขทะเบียน ฌศ-1800 กรุงเทพฯ จำนวน 1 คัน โดยกล่าวหา “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปจากบิดามารดา ผู้ปกครองโดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ” โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่สถานีบริการน้ำมันพีที ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2561 เวลาประมาณ 18.00 น.จับกุมตามหมายจับศาลอาญา
ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวน สน.สามเสน ได้รับแจ้งจาก น.ส.บี อายุ 15 ปี เศษ (นามสมมุติ) ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในระดับ ปวช.ว่าตนเองถูกคนร้ายซึ่งแอบอ้างเป็นผู้ขับรถรับจ้างสาธารณะชนิดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลผ่านระบบแอปพลิเคชั่นแกร๊บ ล่อลวงไปข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้ายด้วยการใช้มือชกที่หน้าท้องหลายครั้งจนตนเองไม่สามารถขัดขืนได้ โดยทำการข่มขืนและกระทำชำเราภายในรถของคนร้าย เหตุเกิดบริเวณทางกลับรถใต้สะพานกรุงธน (ฝั่งพระนคร) ถนนราชวิถี แขวงวชิระพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ ภายหลังจากการรับแจ้งพนักงานสอบสวนฯร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.สามเสนได้ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งเพียงพอและเชื่อได้ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือผู้ต้องหาข้างต้น โดยใช้โทรศัพท์ของกลางรายการที่ 1 และ 2 ในการติดต่อ และใช้รถยนต์ของกลางรายการที่ 3 เป็นยานพาหนะในการกระทำความผิด จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาไว้ตามหมายจับศาลอาญาลงวันที่ 29 สิงหาคม 2561 และสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาต่อมา นำส่งพนักงานสอบสวนสน.สามเสน ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป