สืบนครบาล ร่วมสืบTOP G บุกทลายแหล่งมั่วสุม “ปอน หนองแขม”หัวจ่ายยาเสพติดให้วัยรุ่นในชุมชน โพสต์ปืนโชว์กร่าง
.
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศอ.ปส.ตร. ,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติแสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามยาเสพติดในชุมชนที่บ่อนทำลายเยาวชน ผู้คนในสังคม และโพลต์อาวุธปืนกร่างตามโลกออนไลน์ รวมถึงกลุ่มที่ก่อปัญหาอาชญากรรมสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล
.
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย ,พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท ณัฐวุฒิ สีเสมอ , พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. สั่งการให้ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.วุฒิพันธ์ ผะอบทอง , พ.ต.ต.กิติพัฒน์ ใจอารีรอบ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ,ร.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ผงบุญธรรม, ร.ต.อ.เจษพงษ์ มีเพ็ชรทาน , ร.ต.อ.พีรเวธน์ โพธิ ,ร.ต.อ.วิศรุต พจน์มนต์ปิติ ,ร.ต.ท.ธีระชัย ทรัพย์สำเริงรอง สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 2 พร้อมด้วย ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญาขั้นพิเศษ TOP G ชุดปฏิบัติการที่ 2 ร่วมกันจับกุม
1.นายนิวัฒิ หรือปอน ศรีม่วง อายุ 21 ปี ที่อยู่ 1 ถนนแก้วเงินทอง แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร
2.นายวิทยา จารุตันติ์ อายุ 21 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 10 ตำบลนาพิน อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชานี่
3.นางสาวบี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี
.
พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต”
.
พร้อมด้วยของกลาง
1.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ( คีตามีน ) ชนิดผงสีขาว บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสกดปิดดึงเปิด จำนวน 1 ซอง น้ำหนักรวมซองประมาณ 2.44 กรัม
2.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ( คีตามีน ) ชนิดเกล็ดสีขาว บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสกดปิดดึงเปิด จำนวน 1 ซอง น้ำหนักรวมซองทั้งหมดประมาณ 39.33 กรัม
3.เครื่องชั่งน้ำหนัก ดิจิทัล จำนวน 1 เครื่อง
สถานที่จับกุม บ้านภายในซอยพงศ์ศิริชัย 4 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดข้อหาร้ายแรง จำนวนหลายคดีอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากการสืบสวนขยายผลเรื่อยมา จนทราบว่ามีนายนิวัฒิหรือปอน มีพฤติกรรมมั่วสุมเสพยาเสพติดกันเป็นกลุ่มแก๊ง และมีพฤติกรรมโพสต์ภาพอาวุธปืน และจากการสืบสวนทราบว่า นายนิวัฒิฯ พักอาศัยอยู่บริเวณ ซอยพงศ์ศิริชัย 4 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเชื่อว่าอาจจะเป็นสถานที่ ที่มีการซุกซ่อนยาเสพติดและอาวุธปืน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ โดยผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลและให้ดำเนินการไปขอหมายค้นต่อศาลอาญาตลิ่งชันในบริเวณบ้านดังกล่าว
.
ต่อมาวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 เวลาประมาณ 07.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้นำหมายค้นของศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ ค.182/2567 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ให้ตรวจค้น บ้าน ในซอยพงศ์ศิริชัย 4 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร พบ นายนิวัฒิ ผู้ต้องหาที่ 1 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้แสดงบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจให้ นายนิวัฒิฯ ดู และจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำหมายค้น ให้ นายนิวัฒิฯ ดูพร้อมทั้งอ่านข้อความในหมายค้นให้กับนายนิวัฒิฯ ดูจนเป็นที่เข้าใจแล้ว จึงให้ นายนิวัฒิฯ นำตรวจค้นภายในบริเวณบ้านพักของตน โดยสมัครใจและอยู่ร่วมดูการตรวจค้นโดยตลอด ผลการตรวจค้นบริเวณดังกล่าว พบ นายวิทยา ผู้ต้องหาที่ 2 และ นางสาวบี ผู้ต้องหาที่ 3 พักอาศัยอยู่ในบริเวณห้องพักชั้น 3 ของบ้านหลังดังกล่าวขณะตรวจค้น
.
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจค้นห้องพักดังกล่าวต่อ โดยมีนายนิวัฒิฯ , นายวิทยาฯ และ นางสาวบี อยู่ร่วมดูการตรวจค้นโดยตลอด ผลการตรวจค้นพบ ยาเคของกลางลำดับที่ 1 ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ภายในห้องพัก , พบยาเค ของกลางลำดับที่ 2 และเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตัล ของกลางลำดับที่ 3 วางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์เดียวกัน โดยนายวิทยาฯ ผู้ต้องหาที่ 2 รับว่าของกลางยาเค (คีตามีน) ของกลางดังกล่าวเป็นของนายวิทยาฯ ซึ่งมีไว้เพื่อเสพด้วยตนเอง ภายในห้องพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ผู้ต้องหาที่ 1,2 และ 3 ทราบว่าจะต้องถูกจับกุม โดยแจ้งข้อกล่าวหาให้ ผู้ต้องหาทั้งสาม ทราบว่า “ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ได้กล่าวไว้ว่าการปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมรายสำคัญในพื้นที่ให้หมดไปอย่างจริงจัง โดยใช้มาตรการการปราบปรามอาชญากรรมองค์กรอย่างเข้มงวดเชิงรุกทุกรูปแบบ ซึ่งนับว่าเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมอื่นๆที่จะตามมา อันสร้างความเดือนดร้อนและสร้างความเสียหายต่อสังคมในรูปแบบต่างๆ เป็นวงกว้าง สอดคล้องตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล