สตม.แถลงรวบผู้ต้องหาชาวจีน ประวัติแชร์ลูกโซ่มูลค่าความเสียหายกว่า 150 ล้านบาท ข้ามชายแดนผิดกฎหมาย – จับ 2 หนุ่มโสม ไกด์เถื่อน พบประวัติคดีแชร์รถหรูเสียหาย กว่า 109 ล้านบาท ตาม รวบหม่องตัวการช่วยพ่อเลี้ยงข่มขืนลูกเลี้ยง และ หัวหน้าแก๊งโจรกรรมแดนปลาดิบ OVERSTAY พบประวัติก่อคดีลักทรัพย์ 111 คดี
ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
วันนี้ (27 มิ.ย.67) เวลา 13.30 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณรอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
1. สตม.รวบมังกรซ่อนกาย พบประวัติคดีแชร์ลูกโซ่มูลค่าความเสียหายกว่า 150 ล้านบาท ข้ามชายแดนผิดกฎหมาย
กก.4 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนทราบว่ามีหญิงชาวจีนลักลอบเข้ามาในประเทศไทยและไปพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมย่าน ถ.พัทยาสาย 2 อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงจึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง โดยหญิงรายดังกล่าวแจ้งว่าตนเองชื่อ MS.HU (นามสมมติ) อายุ 24 ปี สัญชาติจีน หนังสือเดินทางสูญหาย จึงได้เชิญตัวหญิงรายดังกล่าวไปที่ ตม.จว.ชลบุรี เพื่อทำการตรวจสอบลายนิ้วมือ ในระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง (BIOMETRICS) ผลการตรวจสอบไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย รับแจ้งว่า MS.HU เป็นบุคคลที่มีประวัติกระทำความผิด ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” ในลักษณะแชร์ลูกโซ่ โดยมีการอ้างกับประชาชนว่าจะมีการระดมทุนเพื่อเข้าไปซื้อหุ้นของแอพพลิเคชั่นที่ชื่อ bixin (ปี๋ซิน) มีผู้เสียหายหลายรายที่หลงเชื่อเข้าไปลงทุนซื้อหุ้น รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 150 ล้านบาท จากการสอบถาม MS.HU ให้การรับว่าได้ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เขตติดต่อ จว.เชียงราย
จึงได้จับกุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีในข้อหาเป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและ อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเมื่อคดีสิ้นสุดจะได้ผลักดันส่งกลับไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป
2.สตม.รวบ 2 หนุ่มโสม ไกด์เถื่อน พบประวัติคดีแชร์รถหรู ความเสียหายกว่า 109 ล้านบาท
กก.4 บก.สส.สตม. จับกุม. MR.HAN (นามสมมติ) อายุ 50 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ และMR.KIM (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ริมถนน 1366 ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่
สืบเนื่องจาก กก.4 บก.สส.สตม. ได้รับการแจ้งจากสายลับว่ามีชายชาวต่างชาติหลายรายลักลอบทำหน้าที่เป็นไกด์ให้กับนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ที่ จว.เชียงใหม่ จึงได้ทำการพิสูจน์ทราบชายชาวเกาหลีใต้ดังกล่าว พบว่าคือ MR.HAN และ MR.KIM ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยได้สิ้นสุดแล้ว จากนั้นได้สืบสวนตามหาตัวจนกระทั่งได้พบ MR.HAN และ MR.KIM ขณะเดินอยู่ริมถนน 1366 ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ จึงได้ทำการจับกุมดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าจะรับนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ที่จะเข้ามาเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีรายได้ต่อครั้งในการรับงานขั้นต่ำคือ 10,000 – 15,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนวันและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องดูแล โดยจะมีการโพสต์บนโซเชียลในการเป็นไกด์ส่วนบุคคล โดยทำมาแล้วประมาณ 2 เดือน
อนึ่ง จากการประสานงานตรวจสอบประวัติของ MR.HAN และ MR.KIM กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐ เกาหลีใต้ ประจำประเทศไทย และฝ่ายประสานงานการตำรวจไทย-เกาหลีใต้ กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบประวัติ MR.HAN และ MR.KIM เป็นผู้กระทำผิดในคดีแชร์รถหรู มีผู้เสียหายกว่า 60 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 109 ล้านบาท
3. สตม.รวบหม่องตัวการช่วยพ่อเลี้ยงข่มขืนลูกเลี้ยง
กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายเอมิน (นามสมมติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.523/2567 ลง 3 เม.ย.67 กระทำความผิดฐาน ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ร่วมกันพาบุคคลอื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใด ๆ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำ ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับ หน้าโรงงานในพื้นที่ ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร
พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2567 เวลาประมาณ 16.00 น. ขณะผู้เสียหายกำลังวีดีโอคอลคุยกับเพื่อนและทำอาหารรอสามีกลับมาในห้องเกิดเหตุในพื้นที่แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ได้มีนายจ่อ ผู้ต้องหาที่ 1 (ถูกจับกุมแล้ว) ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของผู้เสียหาย นายลินผู้ต้องหาที่ 3 (หลบหนี) และนายตอผู้ต้องหาที่ 4 (หลบหนี)
ได้พังประตูบุกรุกเข้าไปในห้องเกิดเหตุ และได้บังคับขู่เข็ญและฉุดลากเอาผู้เสียหายไปขึ้นรถยนต์ โดยผู้ต้องหาที่ 1 กับผู้ต้องหาที่ 3 ได้ไปด้วยกัน ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 ได้รื้อค้นทรัพย์สินของผู้เสียหายอยู่ที่ห้องที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นผู้ต้องหาที่ 1
และที่ 3 ได้นำผู้เสียหายไปไว้ที่ห้องพักหมายเลข 12 ถ.เอกชัย – กรุงเทพฯ อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร จากนั้นนายเอมิน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ 2 ที่รออยู่ที่ห้องพักหมายเลข 11 ได้ออกมาล็อคห้องหมายเลข 12 และช่วยกัน ขู่บังคับไม่ให้ผู้เสียหายร้องขอความช่วยเหลือ พร้อมตะโกนออกมาจากหน้าห้องว่าหากมีใครมาช่วยจะฆ่าให้ตาย
โดยเอามีดมาจี้บังคับผู้เสียหายตลอด ผู้เสียหายจึงจำยอมอยู่ในห้องกับผู้ต้องหาที่ 1 โดยมีนายเอมิน และผู้ต้องหาที่ 3 คอยช่วยเหลือและดู ต้นทางไม่ให้ใครมาช่วยเหลือ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ เมื่อผู้เสียหายได้รับการช่วยเหลือกลับออกมา จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับคนร้ายทั้ง 4 คน ต่อมาศาลอาญามีนบุรี ได้ออกหมายจับนายเอมิน ในฐานความผิดดังกล่าว กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้สืบสวนติดตามหาตัวนายเอมินจนกระทั่งทราบว่านายเอมินได้หลบหนีคดีไปพักอาศัยอยู่ในในพื้นที่ ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร จึงได้ไปติดตามจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
4. สตม.บุกรวบหัวหน้าแก๊งโจรกรรมแดนปลาดิบ OVERSTAY พบประวัติก่อคดีลักทรัพย์ 111 คดี
บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งเบาะแสจากสายลับโดยสงสัยว่านายมิโยชิ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี สัญชาติญี่ปุ่นจะอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย จึงเข้าตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า การอนุญาต ให้อยู่ในประเทศไทยของนายมิโยชิได้สิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) พร้อมทั้งได้ประสานงานไปยังสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย เพื่อขอตรวจสอบประวัติของนายมิโยชิ รับแจ้งว่า นายมิโยชิ ได้กระทำความผิดในประเทศญี่ปุ่นในช่วงปี พ.ศ.2566 ในคดีโจรกรรมและบุกรุกในพื้นที่ 5 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น รวม 111 คดี มูลค่า ความเสียหายรวม 13,000,000 เยน (ประมาณ 3 ล้านบาท) โดยมีพฤติการณ์เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรกรรมและเป็นหัวหน้าแก๊งมอเตอร์ไซด์นางาโทโมะ พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. เกรงว่านายมิโยชิ จะก่อคดีโจรกรรม ในประเทศไทย จึงให้ กก.1 บก.สส.สตม. เร่งสืบสวนติดตามหาตัวนายมิโยชิ จากการสืบสวนของ กก.1 บก.สส.สตม. พบข้อมูลว่านายมิโยชิ เข้าพักอาศัยในโรงแรมหรูในเขตวัฒนา เขตคลองเตย กรุงเทพฯ และมีข้อมูลว่านายมิโยชิ จะลักลอบเดินทางออกไปยังประเทศกัมพูชาทางชายแดนด้าน จว.สระแก้ว จึงได้นำกำลังไปสกัดกั้นตามแนวชายแดนไม่ให้นายมิโยชิหลบหนีออกไปได้ จนนายมิโยชิต้องกลับมาหลบซ่อนตัวในกรุงเทพฯ ซึ่งพบโรงแรมแห่งหนึ่งใน เขตวัฒนา ได้แจ้งชื่อนายมิโยชิเข้าพัก จึงไปตรวจสอบพบว่านายมิโยชิ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม. โดยใช้ชื่อของตนเองเช็คอิน แต่ให้เพื่อนเข้าพักแทน จากการสืบสวนพบว่า นายมิโยชิ ได้หลบไปพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมในแขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ จึงนำกำลังไปจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีในข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และจะได้ดำเนินการส่งนายมิโยชิกลับไปยังประเทศญี่ปุ่นต่อไป
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th