ยุคที่ใครๆตั้งตัวเป็นสื่อได้ ตร..คือเหยื่อโอชะเรียกยอดวิว ชิงความไว-ไร้ความรับผิดชอบ

7955

         ในยุคที่การสื่อสารไร้พรหมแดนใครๆก็สามารถเป็นผู้สื่อข่าวได้ บางคนสร้างแพลตฟอร์มของตัวเองแพร่ข่าวเพื่อเรียกยอดกดแชร์ กดไลก์ สร้างยอดวิวเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทน


      บางคนเป็นอดีตข้าราชการมีชื่อเสียงอยู่บ้าง พอสื่อกระแสหลักสัมภาษณ์ขอความเห็นเป็นที่ถูกใจชาวบ้าน มีคนแห่ติดตามจะหลงเงาตัวเอง หรือบางคนพอมีคนติดตามมากจะร่วมมือกับผู้ประกาศทำรายการผ่านช่องยูทูปหรือช่องทางอื่น พอมีประเด็นร้อนๆจะแสดงความเห็นผ่านช่องตัวเองด้วยถ้อยคำหยาบคายหรือภาษาพ่อขุน ซึ่งมีอดีตตำรวจหลายคนเดินเข้าสู่วงจร สร้างเรตติ้งด้วยการวิจารณ์องค์กรที่ตัวเองเคยพึ่งใบบุญ สร้างเนื้อสร้างตัว ในทางเสียหายมากกว่าที่จะปกป้อง บางนายเกิดอาการหลงเงา หิวแสง แสดงความเห็นทันที โดยไม่ได้ฟังข้อเท็จจริงให้จบสิ้นกระแสความ เข้าทำนองฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด


        อดีตตำรวจบางนายเพียงแค่เห็นคลิปตำรวจตั้งด่านถูกแชร์ออกมา ปากเปราะไปก่อนแล้วว่าต้องตั้งด่านรีดไถ แทนที่จะสงบปากงดให้ความเห็นแล้วไปแจ้งกับผู้บังคับบัญชาว่าให้ตักเตือน จนถูกตำรวจด้วยกันดูแคลนว่าหิวแสง ตำรวจที่เคยนับถือต่างบอกว่าไม่อยากไหว้ให้เสียมือ


       ดังนั้นคงไม่ต้องแปลกใจว่าสื่อหรือแพลตฟอร์มต่างๆพอเห็นเหตุการณ์ต่างๆที่เกี่ยวกับการกระทำของตำรวจ จะรีบถ่ายคลิปแล้วแชร์ออกไปก่อนเพื่อเรียกยอดวิว แล้วค่อยไปสอบถามความจริง เพราะแม้แต่อดีตตำรวจบางคนที่หากินกับโซเซียลยังปากเปราะไปก่อนแล้วค่อยมาขอโทษทีหลัง


        ยิ่งในช่วงก่อนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)มานั่งรักษาการผบ.ตร. องค์กรตำรวจกลายเป็นเหยื่ออันโอชะให้สื่อโซเซียลรุมกระหน่ำเรียกยอดวิว รวมถึงอดีตตำรวจบางคนคิวออกสื่อกระแสหลักแบบเช้ายันดึก วิจารณ์กันแบบสนุกปาก


       ล่าสุดมีคลิปนักท่องเที่ยวที่หาดนพรัตน์ธารา จ.กระบี่ บันทึกภาพรถตู้ สภ.โพธิ์ทอง อ.เสลภุมิ จ.ร้อยเอ็ด มีผู้สูงอายุ ผู้หญิง และเด็ก เดินเข้าออกรถคล้ายมาพักผ่อนกับครอบครัว มีการโพสต์ผ่านโซเซียลตั้งคำถามว่าทำได้หรือ กลายเป็นประเด็นร้อนวิจารณ์แบบเสียๆหายๆ โดยไม่ได้ฟังความให้รอบด้าน


         กระทั่ง ผกก.สภ.โพธิ์ทอง ได้ชี้แจงว่ามีการเบิกใช้รถตู้ของทางราชการ เพื่อเดินทางไปร่วมงานแต่งญาติในพื้นที่ นครศรีธรรมราช พื้นที่ติดกับ จ.กระบี่ สารวัตรอำนวยการ ขออนุญาตถูกต้อง ตามระเบียบราชการ และส่งใบลาพักผ่อน เพื่อเดินทางไปร่วมงานแต่งญาติ  จึงได้พิจารณาอนุมัติ


             “พิจารณาเบื้องต้นแล้วเห็นว่าเพื่อเป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัวและเพื่อประโยชน์ทางส่วนรวมประกอบทั้งเป็นวันหยุดราชการ และวันเวลาดังกล่าวว่างเว้นไม่ติดภารกิจอื่นๆ ผู้ขอใช้รถตู้ไม่ได้ขอเบิกค่าเดินทางหรือค่าน้ำมันเชื้อเพลิงของทางราชการแต่อย่างใด ผู้เบิกใช้รถเติมน้ำมันเอง เพื่อไปร่วมงานแต่งงานของครอบครัว ถือเป็นงานบุญ งานประเพณีต่างๆ และใช้รถเช่าให้คุ้มค่ากับค่าเช่าและเกิดประโยชน์สูงสุด จึงอนุมัติให้ใช้เพื่อเป็นสวัสดิการให้กับตำรวจ”ผกก.สภ.โพธิ์แจง 


         ถ้ามองด้วยความเป็นธรรมไม่ได้ผิดระเบียบของทางราชการแต่อย่างใด ยิ่งมองในเชิงบริหารถือว่าเป็นสวัสดิการที่ตำรวจโรงพักพึงได้รับ หากใครได้สัมผัสถึงการทำงานในโรงพักต่างจังหวัด จะทราบว่าตำรวจส่วนใหญ่จะดำรงชีพด้วยเงินเดือน บางนายอยู่แบบชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้น้อยค่าใช้จ่ายสูง หัวหน้าหน่วยเมื่อมีหนทางพอที่จะเป็นสวัสดิการให้กับลูกน้องบ้างก็ดำเนินการให้ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีตามโรงพักในต่างจังหวัดว่าตำรวจมียศตั้งแต่ ร.ต.ต.ขึ้นไปญาติพี่น้องจะคาดหวังสูง พอมีงานบุญจะเชิญไปเป็นเกียรติ กรณีสารวัตรอำนวยการ สภ.โพธิ์ทอง ต้องเดินทางไกลถึงนครศรีธรรมราช จะเช่ารถตู้เอกชน คงต้องควักเงินเรือนหมื่น แทบจะเท่ากับเงินเดือนครึ่งเดือนที่ได้รับแล้ว แถมรถตู้ที่เช่ามาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จ่ายเงินค่าเช่าไปเรียบร้อยแล้ว ช่วงวันหยุดจอดไว้เฉยๆ นำมาจัดเป็นสวัสดิการให้ตำรวจเพื่อเป็นขวัญกำลังใจไม่ดีกว่าหรือ ?


   ครั้นนำกรณีดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับที่นักการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น นำหัวคะแนนไปท่องเที่ยวเกือบทั่วประเทศ ด้วยงบประมาณแผ่นดิน ดูแล้วน่าจะเสียหายมากกว่าเพราะเป็นการซื้อเสียงทางอ้อม ผลประโยชน์เข้านักการเมืองแบบเต็มๆ ล่าสุดขณะนี้ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ให้ทางสำนักงานเขตนำผู้สูงอายุออกทัวร์ไหว้พระในต่างจังหวัด แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายๆใด แบบนี้จะเข้าข่ายน่ารังเกียจกว่ากรณีของตำรวจ สภ.โพธิ์ทองหรือไม่ ?


   ที่ยกกรณีโรงพักโพธิ์ทอง มาเขียนถึงเพื่อสื่อถึงผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่าหัวหน้าโรงพักว่า คงไม่ยกประเด็นนี้ตั้งกรรมการสอบสวนให้กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่จะเอาผิดกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง ที่หัวหน้าโรงพักกระทำถือเป็นสวัสดิการที่ตำรวจโรงพักพึงได้รับและไม่ได้สร้างเสียหายทางราชการแต่อย่างใด


    อีกประการอยากจะสื่อถึงพวกสื่อโซเซียลทั้งหลายว่าจะโพสต์อะไรเกี่ยวองค์กรตำรวจช่วยตรวจสอบข้อมูลแบบรอบด้านก่อน อย่ามององค์กรตำรวจเป็นเหยื่ออันโอชะไว้เรียกยอดกดแชร์ กดไลก์ เพิ่มยอดวิวเลย เพราะทุกครั้งที่มีปัญหาตำรวจคือที่พึ่งด่านแรกเสมอ เซฟพวกเขาไว้บ้างเถอะ !!!