บทเรียน-ความสูญเสีย ไม่มีความหมาย…?

674

จากกรณีท่าทีของ “ตะวัน” ที่มีต่อ “กรณีขบวนเสด็จ” นำมาสู่กรณีความรุนแรงและการใช้กำลังต่อกันที่รถไฟฟ้าสถานีสยาม จนวันนี้นำไปสู่การตามล่า การแสดงออกของทั้งสองฝ่ายอย่างสุดลิ่ม จนคาดว่าความวุ่นวายระลอกใหม่กำลังก่อตัวอย่างชัดแจ้ง และถ้าหากไม่มีการทำอะไรอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย อาจจะนำไปสู่ความบาดเจ็บสูญเสียที่ยากเกินจัดการได้(อีกครั้ง)

กรณีนี้มองได้หลายมุม แต่คำถามที่หลายคนสงสัยตกลงมี “ใคร”อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว ไม่ว่าฝ่ายไหนหรือไม่ ใครอยู่หลังเด็ก ใครสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงของอีกฝ่ายบ้าง สังคมมีส่วนขนาดไหนที่ช่วยสุมไฟแห่งความเกลียดชังอย่างเป็นเอาตาย “ครุ่นคิด”สัปดาห์นี้ไม่อาจทำหน้าที่วิเคราะห์หรือชี้อะไรได้ นอกจากอยากให้หลับตา ย้อน“ปัญหาความรุนแรง”ในสังคมไทย อย่างช้า ๆ อาจจะเห็นว่าเราเปรียบเสมือนเป็นสังคมที่ผู้คนไม่เคยเรียนรู้อะไรเลยทั้งๆ ที่เรามีบทเรียน ซ้ำ ๆ บ่อยครั้งมาก

ประชาชนคนไทยผ่านเหตุการณ์ที่มีความบาดเจ็บและเสียชีวิตมาหลายต่อหลายครั้ง เอาแค่ในทรรศวรรษที่ผ่านมา ทั้งเหตุการณ์ 6 ตุลา เหตุการณ์พฤษภา 35 มาจถึงพฤษภา53 (ที่มีผังล้มเจ้า นำเสอโดย ศอฉ.) มากกว่า100 ชีวิต ที่ต้องสิ้นชีวิต โดยที่มีบางส่วนมีความพยายามไปอ้างในสิ่งที่ไม่ควรอ้าง จนบังเกิดความสูญเสีย เสมือนการอนุญาตให้ใช้ความรุนแรงได้ ก่อนจะปล่อยเวลาผ่านไป แล้วมารำบึกเรียกร้องกันภายหลังทั้งที่จริงๆ เราสามารถหยุดได้ตังแต่ต้นเหตุ(แต่ไม่พบการดำเนินคดี มีการจับกุมผู้กระทำความรุนแรงได้ )

คำถามคือ ในเมื่อสิ่งเหล่านี้มันวนมาอีกเรื่อย ๆ แต่ราวกับว่าสังคมไทยไม่เคยเรียนรู้อะไรเลยด้วยซ้ำ จนไม่รู้ว่าต้องมีคนตาย คนสูญเสียอวัยวะ คนหมดอนาคต ลูกสูญเสียพ่อแม่ ครอบครัวสิ้นเสาหลัก คนไม่เกี่ยวข้องโดนลูกหลง อีกกี่ชีวิต อีกกี่ครอบครัว สังคมถึงจะได้สติ

ผู้เขียนเองมองว่าในส่วนใครกระทำความผิด ไม่ว่ากรณีอะไรก็ตาม ถ้ากฎหมายได้เดินหน้าไปตามกระบวนการปกติก็ดำเนินไป แต่สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นมาก ๆ คือ “สังคม” ควรได้ดำรงสติไม่มีส่วนในการสนับสนุนหรือเป็นผู้ใช้ความรุนแรง เป็นศาลเตี้ยระหว่างกัน ที่ผ่านการเติมเชื้อไฟ การไม่ถอดบทเรียนนี่คือสิ่งที่อันตรายมาก เพราะเชื่อว่าความสูญเสียมันก็จะวนกลับมาอีกระลอก(เสมอ) และถึงวันนั้นบุคคลเหล่านั้นหรือกระทั่งคนโดนลูกหลงอาจเป็นคนใกล้ชิด-ในครอบครัวท่านเอง

สิ่งที่อยากจะเห็นคือการที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองควบคุมอย่าง ทันท่วงที มีการสอดส่อง ป้องปราม ก่อนเหตุ และภาคส่วนกฎหมายดำเนินไปอย่างยุติธรรม คนในสังคมช่วยกันสอดส่อง โดยไม่ส่งเสริมความรุนแรงทุกรูปแบบ ฟังดูนามธรรม และโลกสวย แต่มันเป็นสิ่งที่หยุดยั้งความสูญเสียได้ดีที่สุด ไม่มีใครต้องมาสูญเสียผ่านความเกลียดชังที่(อาจ)มีคนอยู่เบื้องหลัง(ทุกฝ่าย)ไม่อย่างนั้นมันอาจนำไปสู่ฟางเส้นสุดท้าย บุกลามบานปลาย วนเข้าสู่วงจรอุบาทว์ถึงวันนั้นเราอาจจะเจอใคร“ฉวยโอกาส”จากสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วคนไทยทุกคนก็ต้องมาทนรับเคราะห์กรรมเหล่านี้แทน