”พีระพันธุ์”ตั้งธง ลุย”รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง”พลังงาน ลุ้นกลุ่มทุนอนุรักษ์ฯขวางหรือยอม

1341

ในห้วงที่สภาผู้แทนราษฎรอภิปรายชำแหละงบประมาณรายจ่ายงบประมาณปี 2567 หยิบยกประเด็นพลังงานขึ้นวิพากษ์วิจารณ์ไม่ว่าจะเป็นราคาค่าไฟฟ้า ราคาแก๊ส และราคาน้ำมัน ที่พุ่งสูงขึ้นรัฐบาลต้องแบกรับภาระผ่านกองทุนต่างๆที่ติดลบอยู่แล้วต้องติดลบเพิ่มอีก


ทุกรัฐบาลมักแก้ปัญหาแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอด ทั้งที่รู้อยู่ว่าปัญหาหลักอยู่ที่โครงสร้างราคาและการผลิตที่มากเกินจริงโดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้า

       จึงทำให้นึกย้อนถึงช่วงปีใหม่ที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊กอวยพรประชาชนทั่วประเทศ พร้อมชี้แจงสิ่งทำมาแล้วในปี 2566 และจะทำต่อในปี 2567 ว่า ขอเล่าถึงสิ่งที่ทำแล้วในรอบปี 2566 ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว เฉพาะที่เป็นข่าวคือลดค่าใช้จ่ายทั้งไฟฟ้าและน้ำมัน ยังคงทำอยู่ ต่อไปถึงเมษายน 2567 แม้จะเป็นมาตรการชั่วคราวภายใต้โครงสร้างพลังงานปัจจุบัน ที่ต้องไหว้วอนและขอความร่วมมือจากหลายฝ่าย ดีกว่าไม่ลงมือทำอะไร

 นายพีระพันธุ์ ระบุอีกว่า”ไม่ว่าจะภายใต้โครงสร้างพลังงานที่ถูกหรือผิด แต่ถ้าจะทำจริงก็ทำได้ทั้งนั้น แต่วันนี้ลงมือทำดีกว่ารอไปก่อน ผมระลึกเสมอว่าเข้ามาทำหน้าที่แทนประชาชน ไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนชีวิตส่วนตัวของผม อะไรที่เป็นทุกข์ของประชาชนในความรับผิดชอบของผม จะรื้อทิ้งให้หมด เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เพื่อปลดพันธนการชีวิตจากค่าพลังงานที่ควบคุมไม่ได้

  “จะสร้างระบบพลังงานของประเทศขึ้นมาใหม่ ให้มีความเป็นธรรมอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อคนไทยและประเทศไทย ตามนโยบาย “รื้อ ลด ปลด สร้าง” และแนวทางการทำงานแบบ “สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง กว่าจะถึงวันนี้เป็นไปตามคาดเพราะต้องต่อสู้อย่างเข้มข้น”นายพีระพันธุ์ระบุและว่าสิ่งที่เตรียมจะทำต่อให้ดีขึ้นในปี 2567 จะไม่ใช่แค่การปรับโครงสร้าง แต่จะรื้อระบบที่มีผู้ได้รับประโยชน์มหาศาลมายาวนาน ต่อไปผู้ที่จะได้ประโยชน์คือคนไทยและประเทศไทยเท่านั้น

“เชื่อว่าการรื้อครั้งนี้ จะมีคนคัดค้านมากมาย เพราะผู้ที่เคยได้ประโยชน์แบบรากงอกต้องเสียประโยชน์มหาศาล คนเหล่านี้ที่ผ่านมาใช้ระบบสปอนเซอร์ เป็นเกราะคุ้มตัวตลอดมา แต่ผมไม่กลัวและจะทำ เพราะจะเป็นการรื้อเพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ประเทศและประชาชนแบบมั่นคงและยั่งยืน”นายพีระพันธุ์ระบุและว่าความจริงเริ่มรื้อมาแล้วแต่ไม่ได้ประชาสัมพันธ์มากมาย ด้วยการโยกก๊าซธรรมชาติที่ได้จากอ่าวไทยในส่วนที่นำไปใช้ผลิตปิโตรเคมีหากำไรเพื่อบริษัทในราคาต้นทุนต่ำเท่ากับราคาต้นทุนก๊าซ LPG ที่นำมาให้ประชาชนใช้หุงต้มดำรงชีวิต ให้ไปอยู่ถูกที่ถูกทางใน Pool Gas ทำให้ต้นทุนการนำก๊าซธรรมชาติส่วนนี้ไปใช้ในด้านปิโตรเคมีเพิ่มสูงขึ้น แต่เป็นสิ่งที่ถูกต้องและช่วยลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนลงได้ส่วนหนึ่งด้วย

      นายพีระพันธุ์ระบุ อีกกว่า ปี 2567จะรื้อระเบียบหลักเกณฑ์เพื่อให้การใช้พลังงานไฟฟ้าจาก Solar Roof Top ภายในครัวเรือน เป็นไปโดยสะดวกไม่ยุ่งยากอีกต่อไป และจะเริ่มดำเนินการตามนโยบายเปิดเสรีการนำเข้าน้ำมันด้วย 

       ขณะเดียวกันนายพีระพันธุ์ ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นจะเดินหน้าถึงขั้นประกาศในสภาฯระหว่างชี้แจงประเด็นพลังงานที่มีการพาดพิงว่า”ขอเรียนว่าโครงสร้างพลังงานในปัจจุบัน ผมไม่พอใจ แต่ไม่มีทางอื่น ที่จะปรับตามโครงสร้างแบบปัจจุบัน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ผมเชื่อว่าประชาชนพึงพอใจกับผลงานที่ทำมา คนอย่างผมไม่เคยเกรงใจใคร ถ้าทำแล้วประชาชนและประเทศชาติได้ประโยชน์ ผมไม่เคยเกรงใคร”

       ถ้ามองถึงภาพรวมที่นายพีระพันธุ์ ประกาศนับว่าเป็นความกล้าหาญอย่างยิ่ง เพราะนับแต่ตั้งกระทรวงพลังงาน มาไม่เคยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนไหนกล้าประกาศรื้อโครงสร้างราคาพลังที่เอื้อให้กับประชาชนทั้งประเทศ

        ที่ผ่านมาโครงสร้างบริษัทพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ หรือ โรงไฟฟ้า ล้วนเป็นของกลุ่มทุนผูกขาดและอยู่ในชนชั้นอนุรักษ์นิยมของประเทศทั้งสิ้น กลุ่มทุนเหล่านี้ผูกขาดหาประโยชน์บนความทุกข์ยากของชาวบ้านมานาน แถมบางยุคมีรัฐบาลที่ไม่ถูกใจกลับให้ทุนหนุนม็อบขับไล่อีกต่างหาก

  บางครั้งยอมที่จะให้ม็อบนำไปอ้างเพื่อสร้างเงื่อนไขเรียกมวลชนให้เข้าร่วม หากยังจำกันได้ผู้นำม็อบกปปส.บางคน เคยประกาศว่าจะยึดคืนปตท.มาเป็นของรัฐ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้พลังงานราคาถูก พอทหารทำรัฐประหาร มีอำนาจเต็ม ครองอำนาจยาวนานกว่า 8 ปี ปตท.ยังอยู่ดังเดิมแถมฟันกำไรเพิ่มแบบร้อยเปอร์เซ็นต์  เข้าทำนองมวลชนถูกหลอกน่าจะไม่ผิด

  ดังนั้นต้องจับตาว่านายพีระพันธุ์ จะลุยแบบสุดตัวและพร้อมเดินชนกับกลุ่มทุนอนุรักษ์นิยม เปรียบเสมือนกำแพงเหล็กที่ใหญ่กว่ากำแพงเมืองจีนหรือไม่ ?เพราะหากทำตามที่ประกาศเท่ากับขวางให้กลุ่มทุนอนุรักษ์นิยม ได้ผลประโยชน์ลดลง กำไรที่เคยได้เป็นกอบเป็นกำ ถูกแบ่งให้คนส่วนใหญ่ที่ฐานะปานกลางถึงอยากจน พวกเขายอมเสียสละหรือ?

      เว้นแต่กลุ่มทุนอนุรักษ์นิยม จะปรับแนวทางสู้เพื่อคงไว้อำนาจทั้งทางการเมืองและอำนาจทางเศรษฐกิจ ที่ยึดกุมมานาน ด้วยการยอมเฉือนกำไรบางส่วน ไฟเขียวให้นายพีระพันธุ์ เดินตามนโยบายที่ประกาศไว้

    หากสำเร็จเชื่อว่ากลุ่มทุนอนุรักษ์นิยม จะปั้นให้นายพีระพันธุ์ เป็นตัวแทนนำขบวนชิงอำนาจทางการเมือง แข่งกับกลุ่มประชาธิปไตยเสรี แน่นอน เพราะเพียงแค่นายพีระพันธุ์แสดงอาการไม่พอใจที่กลุ่มผู้ค้าน้ำมันประกาศปรับราคาน้ำมันขึ้นลงแบบรายวัน พร้อมประกาศให้ลดราคาน้ำมันประเภทแก๊สโซฮอลลดทันที 2 บาทกว่า

    ผลโพลออกมาทันทีว่า นายพีระพันธุ์ มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว !!!