“ผบ.เด่น”กำชับแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนหลังรัฐบาลส่งสัญญาณ

25599

ผบ.ตร.ยอมรับปี66จับกุมยาเสพติดมากขึ้นแต่ยาบ้ายังราคาถูกและหาง่าย เชื่อแก๊งค้ายาลักลอบนำเข้าทุกช่องทางสั่งเร่งสกัด ควบคู่กับค้นหาและนำผู้เสพบำบัดเพื่อแก้ปัญหายั่งยืนตามนโยบายรัฐบาล พร้อมฝากผบ.ตร.ใหม่สานต่องาน

วันที่ 21 ก.ย.66 เวลา 15.00 น.ที่ ตร. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานพิธีมอบโล่ยกย่องเชิดชูเกียรติและใบประกาศนียบัตร ให้แก่ บุคคล และหน่วยงานที่มีส่วนร่วมสำคัญในการดำเนินการโครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 พร้อมเปิดเผยว่าโครงการชุมชนยั่งยืนเป็นโครงการที่ต้องการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมนุมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเริ่มดำเนินโครงการมาเมื่อปี 2564 ซึ่งเห็นผลจึงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปี 2566 สามารถค้นหาผู้เสพและรู้จักปัญหาในชุมชนมากขึ้น จำนวน 1,483จุด (โรงพักละ 1เป้าหมาย) ค้นหาผู้เสพได้กว่า 25,000 รายสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะได้รับความร่วมมือจากพื้นที่มากขึ้น โดยมีการประเมินผลและมอบรางวัลดีเด่นให้แต่ละภาคแต่ละจังหวัด ประเมินจากจากการทำงานร่วมกันของหลายๆฝ่าย เช่น ฝ่ายปกครอง กำนันผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ สาธารณะสุขตลอดจนผู้นำทางศาสนา บางพื้นที่ภาคเอกชนก็มาติดตั้งกล้องให้เพื่อขับเคลื่อนโครงการ โดยปีที่แล้วเป็นปีแรกที่มอบรางวัลให้ช่วงเดือน ต.ค.และปีนี้เป็นปีที่สองที่มอบให้ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ โดยทุกคนและทุกหน่วยที่ได้รับรางวัลก็เต็มใจมาไม่ว่าจะต้องเดินทางไกล เช่น จากสงขลาและขอนแก่น ทุกคนดีใจที่ได้มีส่วนร่วม ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มเหล่านี้จะเป็นต้นแบบที่ขับเคลื่อนในระดับภาคและจังหวัดต่อไป ซึ่งจากการที่ได้วิทยากรและเครือข่ายจากหลายภาคส่วนเชื่อว่าปีนี้ที่รัฐบาลส่งสัญญาญชัดเจนว่าจะแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ได้ภายใน 1 ปี โครงการชุมชนยั่งยืนจะเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาล

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าในแง่ของการปราบปรามตำรวจดำเนินการอย่างเต็มที่อยู่แล้ว โดยตัวเลขการจับกุมมากกว่าปี 2565 ในทุกมิติ ทั้งการดำเนินคดีกับผู้ค้ารายย่อย เครือข่ายตลอดจนถึงการฟอกเงินการยึดทรัพย์ และที่สำคัญคือตัวยาเสพติดก็จับกุมมากขึ้นด้วย ซี่งก็ทำควบคู่กันไป เพราะแม้จะจับกุมมากแต่ตัวชี้วัดที่สำคัญคือราคายาเสพติด(ยาบ้า)ไม่ได้แพงขึ้น แสดงว่าแม้จะจับมากก็ไม่ส่งผลให้ยาเสพติดหมดไป แต่ยาเสพติดยังหาได้ง่ายอยู่ ดังนั้นก็ต้องทำควบคู่กันไปหลายมิติ โดยเฉพาะหากลดจำนวนผู้เสพลงและคืนคนดีสู่สังคมจะแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

ส่วนการป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดนนั้น หลักการของแนวชายแดนเป็นพื้นที่ของทางทหาร ฝั่งเหนือตามแนวช่องทางธรรมชาติเป็นของทหารพรานและตำรวจตระเวนชายแดน แต่พื้นที่ตอนในลงมาเป็นของตำรวจต้องทำงานควบคู่กัน ส่วนทางภาคอีสานช่องทางแม่น้ำโขงส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง หรือ นรข.และทหารเรือ เข้ามาตอนในก็จะเป็นตำรวจ ส่วนการลักลอบทางภาคใต้จะเป็นแนวทะเล โดยผู้ก่อเหตุจะลักลอบนำเข้าทุกช่องทางและปัจจุปันพบว่าใช้การลักลอบทางพัสดุภัณฑ์มากขึ้น ยอมรับเป็นปัญหาที่ซับซ้อนอาจจะป้องกันไม่ได้ทุกแนวแบบ100% หากราคาขายในประเทศยังราคาถูกหาได้แสดงว่ามีการลักลอบอยู่

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจปะทะกับขบวนการค้ายาเสพติดที่เชียงรายเสียชีวิต1นาย ตนเองได้มีการกำชับมาตลอดเน้นย้ำการปฎิบัติต้องหลักความปลอดภัยต้องใส่เสื้อเกราะหรือหมวกกันกระสุน แต่บางครั้งยอมรับเป็นเหตุเฉพาะหน้าที่ไม่ได้เตรียมตัว ซึ่งให้ถือเป็นบทเรียนว่าการทำงานมีความเสี่ยงห้ามประมาทเด็ดขาดเพราะคนนี้ร้ายมีแรงจูงใจที่สูงจึงต้องต่อสู้เพื่อหลบหนี จึงเป็นอันตรายดังนั้นการทำงานต้องรอบคอบและใจเย็น ส่วน ผบ.ตร.คนใหม่ที่จะมาทำหน้าที่ก็ขอใด้สานต่อแนวทางที่ทำอยู่ ทั้งโครงการชุมชนยั่งยืนและการจัดฐานข้อมูลตัวเลขผู้ค้าผู้เสพที่มีอยู่ในระบบกว่า 7แสนราย และค้นหาผู้เสพผู้ป่วยทางจิตเวช ซึ่งจากการค้นหาตอนแรกพบกลุ่มขี้เข้าข่ายกว่า 4-5 หมื่นรายที่มีภาวะทางจิตเสี่ยงเป็นอันตรายต้องดึงออกมาจากชุมชนหรือเฝ้าระวังพิเศษ เพราะถือเป็นภัยต่อสังคม

#thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์