เชื้อชั่วไม่มีวันตาย(8)
ในที่สุดมติของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ลงมติยกตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ให้ตาอยู่ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา พร้อมเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้คงผ่านฉลุย

แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลลงมติไว้แล้วยกให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ยังคงต้องลุ้นระทึกว่า ส.ว.จะกดไฟแดงให้สะดุดหรือกดไฟเขียวให้ผ่าน
แฟนคลับของก้าวไกลและชาวบ้านที่เทคะแนนให้ โดยหวังจะเห็นการบริหารบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นและคาดหวังว่าเชื้อชั่วทั้งหลายที่กัดกร่อนสังคมไทยคงเบาบางลงบ้าง
ตอนที่ 7 ได้นำเสนอถึงเชื้อชั่วที่ฝังรากลึกอยู่ในระบบราชการ โดยมีเสนาบดีบางคนที่หิวโซเป็นหัวขบวนใช้การบริหารงานบุคคล แสวงหาประโยชน์จากบิ๊กข้าราชการบางกลุ่มบางคนในรูปแบบของการซื้อและขายตำแหน่งที่มากด้วยผลประโยชน์
ซึ่ง บิ๊กข้าราชการ ส่วนใหญ่ต่างตอบสนองเพราะได้ทั้งตำแหน่งและผลประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์จากเงินทอนของโครงการต่างๆ
ที่สำคัญก็ใช้การบริหารงานบุคคลเป็นเครื่องมือ ขายตำแหน่งให้กับข้าราชการลำดับลองลงมา เสมือนเป็นการถอนทุนอีกทาง
ขณะเดียวกันข้าราชการระดับล่างที่ยอมซื้อเก้าอี้ก็ต้องเดินเกมถอนทุนจากโครงการต่างๆที่สามารถอนุมัติหรือหาประโยชน์ในรูปแบบอื่นได้ เช่นเจ้าหน้าที่รัฐที่ถือกฎหมายไม่กี่ฉบับ อาทิ กฎหมายรักษาความสะอาด กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ก็จะออกล่าเหยื่อที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าที่วางของขายบนทางเท้า หรือบริเวณที่ห้ามวางของขาย เป็นต้น
เป็นบริบทที่ข้าราชการบางคนบางกลุ่มเกือบทุกระดับปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนานจนกลายเป็นวงจรวงจรอุบาทว์
แต่ในห้วงไม่กี่ปีนี้การซื้อขายตำแหน่งในแวดวงตำรวจก็เกิดเสียงนินทากระหึ่มกว่าการซื้อขายตำแหน่งในกลุ่มข้าราชการพลเรือน
เนื่องจากอำนาจการแต่งตั้งตำรวจในบางเวลาแทนที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)จะดำเนินการเองกลับยอมศิโรราบยกให้ บิ๊กรัฐบาลไปบริหารจัดการ เพียงเพื่อรักษาเก้าอี้ตัวเองให้มั่นคง
โดยบิ๊กรัฐบาลก็ให้ตำรวจใกล้ชิดไปจัดการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย จนสร้างความระอาและท้อแท้ให้กับตำรวจที่มีอุดมการณ์รับใช้ประชาชน
หลายคนต้องยื่นใบลาออกจากราชการเพราะไร้ปัจจัยที่จะจ่ายเพื่อตำแหน่งที่สูงกว่าหลายคนที่เคยขัดแย้งกับบิ๊กตำรวจที่มีอำนาจก็ถูกย้ายข้ามกองบัญชาการ ไปอยู่ในพื้นที่ที่ไม่คุ้นชินหรือถูกเด้งจากภาคอีสานไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ สร้างปัญหาให้กับครอบครัวตำรวจที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างรุนแรง
ขณะที่ตำรวจบางกลุ่มมองผลประโยชน์เป็นหลัก ก็พร้อมที่จะระดมเงินจากธุรกิจมืดมาทุ่มซื้อตำแหน่ง บางคนขันอาสาบิ๊กตำรวจที่มีอำนาจด้วยการยื่นเงื่อนไขว่าถ้าได้อยู่ตำแหน่งที่มีผลประโยชน์ยินดีที่จะส่งส่วยรายเดือนด้วยเลข 7 หลัก
แต่ที่น่าตกใจมีเสียงนินทาจากนายตำรวจระดับสารวัตรบางคนในพื้นที่ภาคใต้ว่า”ช่วงที่คณะรัฐประหารยึดอำนาจก็สั่งให้ตำรวจจัดการกับธุรกิจผิดกฎหมาย อาทิ บ่อนการพนัน สินค้าเถื่อน หวยเถื่อน รวมถึงสถานบันเทิงผิดกฎหมายทุกแห่ง
ตำรวจจึงขาดแหล่งรายได้ไม่สามารถหาเงินมาซื้อตำแหน่งได้ก็หาทางออกด้วยการสุมหัวกับพ่อค้ายาเสพติด ค่อยอำนวยความสะดวกในการลำเลียงยาเสพติดตามเส้นทางต่างๆให้”
อดีตสารวัตรคนหนึ่งบอกว่าให้สังเกตจากข่าวที่แถลงในทำนองที่ว่า ตำรวจได้ตั้งด่านสกัดขบวนการลำเลียงยาเสพติด คนร้ายขับรถแหกด่านหลบหนี ตำรวจขับรถไล่ล่าพอถึงในที่เปลี่ยวและมืดคนร้ายทิ้งรถพร้อมยาบ้าแล้วหลบหนีไปในความมืด ตำรวจจะเร่งสืบสวนจับกุมต่อไป
“แต่เมื่อถึงเวลาปฏิบัติจริงไม่ได้ติดตามจับกุมแต่อย่างใด เพราะเป็นการสมคบคิดกันระหว่างตำรวจบางคนกับพ่อค้ายาบ้า เพื่อสร้างผลงานให้ตำรวจที่มีสัมพันธ์อันดีและเอื้อประโยชน์กัน”อดีตสารวัตรบอกและว่าจะมีการปล่อยให้ลำเลียงยาเสพติดผ่านไปอย่างน้อย 9-10 ครั้ง จากนั้นจะวางงานให้ตำรวจจับกุม 1 ครั้ง แต่พ่อค้ายาบ้ามิได้เสียประโยชน์เพราะจะได้รับเงินสินบนนำจับที่สูงกว่าต้นทุนผลิตยาบ้าเสียอีก
การสมคบคิดระหว่างตำรวจกับพ่อค้ายาเสพติด ตามเสียงนินทาเท็จจริงประการใดและยังดำรงอยู่หรือไม่ชาวบ้านไม่อาจจะทราบได้
แต่ในห้วงที่คณะรัฐประหารคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ เสียงนินทานี้ตำรวจในพื้นที่ภาคใต้ต่างรับทราบ
โดยตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่งบอกว่า”ถ้าจะขยับเป็นรองผกก.ต้องจ่ายอย่างน้อย 2-3ล้านบาทแต่ไม่สามารถเลือกที่ลงได้ ตำรวจที่อายุ 50 ต้นๆจะไม่กล้าเพราะไม่มีเงินและไม่กล้าที่จะสมคบคิดกับแก๊งค้ายาเพราะเป็นสิ่งชั่วร้ายและทรยศต่ออาชีพของตัวเอง”
“จึงไม่แปลกที่ทุกวันนี้จะเห็นตำรวจหนุ่มๆบางคนขยับตำแหน่งกันแบบครบขึ้น เพราะใจกล้าที่จะทำสิ่งชั่วร้ายพอๆกับบิ๊กตำรวจบางคนที่แสวงหาประโยชน์จากการขายเก้าอี้พร้อมๆกับเอื้อประโยชน์ให้นายด้วย”สารวัตรบอกทิ้งท้าย
นี่เป็นเพียงแค่ ตัวอย่างเดียวสำหรับเส้นทางการหาประโยชน์เพื่อนำมาแลกกับตำแหน่ง บริบทนี้จะยังคงดำรงอยู่หรือไม่ก็สุดจะคาดเดา
แต่จากกรณีดังกล่าวก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่ยาบ้าราคาถูก 5 เม็ด 100 บาทและระบาดทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้เชื้อชั่วตัวนี้น่าจะเป็นตัวเร่งสำคัญ
จึงได้แต่หวังว่าเมื่อได้รัฐบาลใหม่เชื้อชั่วเหล่านี้คงถูกจัดการพร้อมกับเช็คบิลย้อนหลังกับบิ๊กตำรวจที่ชอบกินอาจมจากพวกที่มีเชื้อชั่วติดตัว !!!


