ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม.สัญจร ถึงคำสั่งให้นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษกองคดีภาษีอากรกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปช่วยการที่สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เนื่องจากพฤติกรรมการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่าจะมีการจับกุมดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดต่างๆเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด ว่า ทุกหน่วยมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ก็ให้ไปสอบสวนกันมา ถ้าพบว่าใครมีความผิดก็ต้องลงโทษตามคดีอาญา ส่วนการที่นายพิสิฐชัยโพสต์เรื่องดังกล่าวจะมีเจตนาใดแอบแฝงหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของดีเอสไอที่ต้องสอบสวนให้มีความชัดเจน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อโซเชียล ที่ตอบโต้เกี่ยวกับการที่หน่วยงานรัฐตรวจสอบดำเนินการกับคดีที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ ว่า คดีที่เกี่ยวกับพระถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ตนจึงอยากขอให้ทุกคนอย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ต่อเรื่องนี้ เพราะพระภิกษุสงฆ์ถือเป็นผู้ที่คนไทยส่วนใหญ่ให้ความนับถือ ดังนั้น เรื่องใดที่เป็นการกระทำความผิด โดยมีหลักฐานยืนยันได้ ก็ต้องมีการดำเนินคดี อย่าไปปลุกกระแส
“ขอถามว่าการที่มีพระบางรูปออกมาเคลื่อนไหวผ่านสื่อโซเชียลมีเดียนั้น มันสมควรหรือไม่ พระบางรูปออกมาเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องการเลือกตั้ง ก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย พระสงฆ์มีหน้าที่ในการบ่มเพาะ สร้างความสุขสงบและความปรองดองในสังคม สอนหลักธรรมตามหลักพระพุทธศาสนา แต่การที่พระมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองมากๆ มันใช่กิจของสงฆ์หรือไม่ ผมขอฝากให้สังคมช่วยกันไปดูแล ไม่อาจไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรได้ แต่ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หลายคนมาถามผมว่าเรื่องจะบานปลายหรือไม่ ผมคิดว่ามันอยู่ที่ท่านทั้งหลาย ทั้งประชาชน และสื่อโซเชียลมีเดียทั้งหลาย ถ้าอยากให้เกิดความวุ่นวายบานปลาย ก็ให้ทำทุกอย่างตามแบบของตัวเองต่อไป ผมก็มีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ถ้าเกิดความวุ่นวายเมื่อใดก็ตาม หน่วยงานด้านความมั่นคงก็ต้องเข้าไปดูแล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว