ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต.กล่าวกรณีการเตรียมหารือกับรัฐบาลและกรธ. ว่า การหารือเป็นระดับสำนักงานฯซึ่งพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต.กับรองเลขาฯด้านต่างๆจะไปร่วมหารือ ส่วนประเด็นที่จะไปหารือเลขาฯกกต.คงเตรียมประเด็นที่เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการดำเนินการของพรรคการเมือง เช่น เรื่องการหาสมาชิก การที่พรรคไม่สามารถจัดประชุมได้  และยังคงยืนยันว่าควรแก้ไขเพื่อให้พรรคการเมืองสามารถปฏิบัติได้ นอกจากนี้คณะได้ได้เตรียมเรื่องปฏิทินการเลือกตั้งตามโรดแม็พรัฐบาลไปด้วย แต่คงเปิดเผยไม่ได้ จะกลายเป็นบีบบังคับรัฐบาลให้ปฏิบัติตามซึ่งถือว่าไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามกกต.จะเสนอแค่ปัญหาและแนวทางแก้ไขเท่านั้น ทำหรือไม่ทำไพรมารีโหวตเป็นดุลยพินิจของรัฐบาลที่จะพิจารณา

นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง จากที่ได้ให้สำนักงานฯศึกษาข้อกฎหมายเพื่อแบ่งเขตเลือกตั้งก่อนกฎหมายมีผลบังคับนั้น เห็นว่ากฎหมายไม่เปิดช่องให้ทำได้ ดังนั้นการให้คสช.ใช้มาตรา 44 เพื่อให้กกต.แบ่งเขตได้ก่อน ส่วนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และพรรคการเมืองในเขตเลือกตั้ง ก็จำเป็นต้องปลดล็อกจากคสช.ก่อน ไม่เช่นนั้นพรรคการเมืองก็ไม่สามารถมาประชุมได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ คสช.เคยระบุแล้วว่าอาจปลดล็อกให้พรรคการเมืองกระทำการบางเรื่อง

นายศุภชัย กล่าวอีกว่า ส่วนงบประมาณจัดการเลือกตั้งจำนวน 5,800 ล้านบาทเป็นค่าใช้จ่ายเดิมที่เคยใช้ 3,000 กว่าล้านบาท แต่ครั้งนี้เพิ่มขึ้นเพราะมีเรื่องผู้ตรวจการเลือกตั้งแทน กกต.จังหวัด ซึ่งมีค่าใช้ค่าเดินทาง เบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก ค่าผู้ช่วยของแต่ละคน เรื่องการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง แม้จะมีบัตรใบเดียว แต่แต่ละเขตไม่เหมือนกัน การจัดพิมพ์ป้ายหาเสียงให้ผู้สมัคร ค่าจ้างแหล่งข่าว เงินสินบนรางวัล การคุ้มครองพยาน ซึ่งการใช้จ่ายทุกอย่างมีรายละเอียดชี้แจงได้ โดยจะขอเป็นงบฯกลาง ไม่ได้ขอเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562