“ตำรวจ หรือ ผู้ที่ผ่าฝืนกฏหมาย พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ใครโกหกใคร” ที่มาของมูลเหตุ ปะทะกันบาดเจ็บ
“ประดู่แดง” เองเคยอยู่ในสถานการณ์การชุมนุมเกือบทุกครั้งที่ผ่านมา อยู่ทั้ง สำนักข่าว ต่างประเทศในประเทศไทย เหตุการณ์การชุมนุม เมื่อวันศุกร์ที่ 18 พ.ย.65 ที่ผ่านมานั้น เกิดเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุม กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน มีบาดเจ็บไปทั้งสองฝ่าย “ประดู่แดง” เองก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับ น้องนักข่าวที่เป็นทั้งสื่อไทย สื่อต่างประเทศที่ได้ลงพื้นที่ร่วมทำข่าว พร้อมทั้งยังได้พูดคุยกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ อยากนำมาเล่าให้ได้ฟังกัน
ข้อมูลจากหลายฝ่าย ตรงกันว่า ก่อนการชุมนุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดคุยหารือชี้แจงขอความร่วมมือ กลุ่มที่จะมีการเคลื่อนไหวในการประชุม เอเปคฯ ทั้งหมดมีหลายๆ องค์กร และกลุ่ม ถือได้ว่าให้ความร่วมมืออย่างมากเข้าใจในผลกระทบหากมาร่วมชุมนุม ทั้งเรื่องภาพลักษณ์ประเทศที่เรากำลังเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูรายได้การท่องเที่ยวให้กลับมา, เรื่องการรักษาความปลอดภัย ผู้นำ ผู้เข้าร่วมประชุม สื่อมวชนทั่วโลก และแขกที่มาร่วมเยือน จนหลายองค์กร หลายกลุ่ม เข้าใจและให้ความร่วมมือ ไม่สร้างภาระเพิ่มให้กับ เจ้าหน้าที่และประชาชน
ในส่วนกลุ่มที่ยังมีแนวความคิดทั้งของตนเองหรือ อาจจะได้รับแนวความคิดจากคนอื่น ซึ่งมีความเห็นต่าง ว่า ต้องชุมนุม ท่านก็ให้ความเคารพในความเห็นต่างของกลุ่มต่างๆ นั้น เช่นเดียวกับตำรวจเอง ก็มีความเห็นต่าง มีทั้งฝ่ายที่ชอบและไม่ชอบรัฐบาล แต่ทุกครั้งที่ปฏิบัติภารกิจ ตำรวจเองก็กล่าวอ้างว่า งานตำรวจเป็นหน้าที่ ต้องไม่นำทัศนคติในความเห็นต่างมาชี้นำการปฏิบัติ ก่อนมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางฝ่ายตำรวจได้มีการพูดคุยกับ กลุ่มดังกล่าว แล้ว รู้จักตัวบุคคลเดิมๆ ที่เป็นแกนนำได้ชี้แจง ทำความเข้าใจแล้ว แต่ยังคงยืนยันว่า จะชุมนุม มีผู้มาร่วมชุมนุมที่มาจาก ต่างจังหวัดบ้าง ซึ่งประเมินจากสายตาเป็นผู้สูงอายุและไม่น่าจะเข้าใจบริบทที่มาร่วมชุมนุมบางท่านทนความร้อนไม่ได้ถึงกับเป็นลม และขอให้ช่วยส่งกลับภูมิลำเนา ทางฝ่ายผู้ชุมนุมเองก็ได้พูดคุยหารือ กับตำรวจ จนได้ข้อสรุปว่า จะมีการเดินเพื่อแสดงสัญลักษณ์และยื่นข้อเรียกร้อง “โดยตกลงกันที่จะเดินในเส้นทางไปทางเสาชิงช้า ตรงไปเพื่อยื่นหนังสือที่แยกปทุมวัน” ซึ่งจะมี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลตลอดเส้นทางเพื่อไม่ให้มีมือที่สามหรือกลุ่มก่อกวนเข้ามาสร้างสถานการณ์
ในช่วงเช้า กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ห้ามทำกิจกรรม ผูกผ้าที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จึงเคลื่อนขบวนออกมาทางอนุสาวรีย์ “ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง” ผู้ชุมนุม เป็นผู้ฝ่าฝืนกฏหมาย พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ทั้งที่ตำรวจได้แจ้งให้ทราบแล้วว่า เส้นทางนี้ ผู้นำที่ร่วมเข้าประชุม เอเปคทุกประเทศต้องใช้เส้นทางดังกล่าวพร้อมทั้งได้แจ้งตั้งแต่ต้นแล้วว่า ยังไงก็ไม่สามารถให้ใช้เส้นทางดังกล่าวได้ แต่ยังมีแกนนำบางคนได้ใช้การยั่วยุ ซึ่งก็เป็นแกนนำหน้าเดิมๆ จนเกิดการกระทบกระทั่ง นำมาสู่การปะทะจับกุม จนเกิดการบาดเจ็บ ทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่
บทสรุปของเรื่องนี้ เห็นว่า “ถ้าเห็นแก่ชื่อเสียงของชาติ ความปลอดภัยของผู้นำต่างๆ ซึ่งเป็นแขกของประเทศ และส่วนรวมเป็นหลักแล้ว ส่วนความขัดแย้งความเห็นต่างทางการเมืองเป็นรอง เหตุการณ์ดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้นเลย และจะเห็นว่าในประเทศอื่นก็ต้องบริหารสถานการณ์แบบเดียวกันนี้ ทางฝ่ายตำรวจเองต้องบังคับใช้กฏหมาย กับผู้ฝ่าฝืน พรบ.ชุมนุมฯ ผู้ชุมนุมเองก็มีความต้องการเรียกร้องให้สัมฤทธิ์ผล ตามที่กลุ่มต้องการ ใครจะผิดใครจะถูก ก็ว่ากันไปตามกฎหมายของละฝ่ายที่มากล่าวอ้างหักล้างกัน”
แต่สิ่ง “ประดู่แดง” อยากถามกลับนั้นคือ.? ทุกคนในชาติอยากเห็นเหตุการณ์ แบบนี้เกิดอีกแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะต้องถอดบทเรียนกันอีกนานแค่ใหน ใครได้ประโยชน์จากเหตุการณ์แบบนี้ ประชาธิปไตยในประเทศไทย จะต้องนองเลือด ตลอดไปเหรอ ถึงจะเป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนในชาติของเราทุกคนต้องการ.?