นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ตามที่ได้ออกมาเตือนรัฐบาลเรื่องสถาบัน IMD ลดอันดับความสามารถแข่งขันของไทยลงหนักมาอยู่อันดับที่ 30 สาเหตุหลักมาจากความไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล และ ขาดดุลงบประมาณมาก และได้ชี้ให้เห็นว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ยปีละ 2% กว่าเท่านั้น และ ถึงปีนี้จะโตได้ 4% กว่า ก็ยังต่ำสุดในอาเซียน ซึ่งเป็นข้อมูลจริง แต่ พลเอกประยุทธ์ ออกมาเตือนว่าใครบอกว่าเศรษฐกิจโต 2% จะผิดกฏหมายและจtดำเนินคดี
“ก็อยากให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจได้คำนวณตัวเลขเศรษฐกิจ 4 ปี ย้อนหลังและนำมาเฉลี่ย เพื่อรายงาน พลเอกประยุทธ์ เพราะจากที่ได้คำนวณตามตัวเลขเศรษฐกิจของสภาพัฒน์ ที่แถลงทุกสิ้นปี พบว่า เศรษฐกิจปี 2557 ขยายตัว 0.7 % ปี 2558 ขยายตัว 2.8 % ปี 2559 ขยายตัว 3.2% และ ปี 2560 ขยายตัว 3.9 % ซึ่งนำมารวมกัน 4 ปี จะได้ 10.6% และ เมื่อนำหารเฉลี่ย 4 ปี จะได้ ค่าเฉลี่ยเท่ากับปีละ 2.65% หรือ 2% กว่าตามที่บอก และเป็นการคำนวณตามหลักสากล ไม่ได้บิดเบือนแต่อย่างไร ซึ่งถ้าหากบอกว่าตัวเลขนี้บิดเบือน ก็น่าจะต้องบอกด้วยว่าตัวเลขการเติบโตเฉลี่ย 4 ปีที่ถูกต้องคือเท่าไหร่”
นายพิชัย กล่าวว่า อีกทั้ง ตนยังบอกด้วยว่าถึงปีนี้จะโต 4 % กว่า แต่ก็ยังต่ำสุดในอาเซียน ดังนั้นจึงอยากให้นายสมคิดออกมายืนยันว่าการคำนวณนี้ถูกต้องหรือไม่ เพื่อสะกิดเตือนและยืนยันกับพลเอกประยุทธ์ อย่าปล่อยให้พลเอกประยุทธ์ เข้าใจคลาดเคลื่อนจะเสียฟอร์มซ้ำซ้อน และเชื่อว่าถ้านายสมคิดทราบก่อนคงไม่ปล่อยให้พลเอกประยุทธ์พูดคลาดเคลื่อนแบบนี้ และการเสนอความเห็นโดยสุจริตตามหลักสากลน่าจะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญและไม่ผิดกฏหมาย ซึ่งการที่ 4 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยโตเฉลี่ยเพียงปีละ 2% กว่านี้ จึงทำให้ประชาชนลำบากกันอย่างมากและยังทำให้เกิดปัญหาการว่างงานมากขึ้นและหนี้เสียเพิ่มสูงขึ้นในระบบธนาคาร ซึ่งยังเป็นปัญหาอยู่ถึงปัจจุบัน
“ดังนั้นการที่ตนหวังดีและแนะนำพลเอกประยุทธ์ให้อ่านหนังสือเศรษฐกิจมากๆก็เพราะสาเหตุนี้ ยิ่งพลเอกประยุทธ์อาจจะมีความตั้งใจจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหลังการเลือกตั้ง ก็ยิ่งจะต้องศึกษาเรื่องเศรษฐกิจให้มากยิ่งขึ้น จะได้เข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในตลอด 4 ปีที่ผ่านมานี้ได้ ปัญหาปากท้องของประชาชนจะได้ได้รับการแก้ไข ไม่ลำบากกันอยู่เหมือนในปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องราคาพลังงานที่เริ่มสูงขึ้นมาก และรัฐบาลควรจะต้องเข้ามาหาทางช่วยเหลือและแก้ไขมากกว่านี้” นายพิชัย กล่าว