ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2561 โดยมีตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงระบบการคิดของราชการไทย ว่า การ “คิดแบบราชการ” นั้น ก็จริง แต่หลายคนก็นำไปใช้เหมือนเป็นคำ “ตลกร้าย” คิดแบบทหาร คิดแบบราชการ สะท้อนให้เห็นถึงความยุ่งยาก สลับซับซ้อน สายงานยาว กินเวลา แต่คือระบบที่เราพยายามจะปลดพันธะเหล่านี้ให้สั้นลง ให้ง่ายขึ้น ซึ่งหมายถึงการ “ปฏิรูประบบราชการ” การรวมศูนย์ต้องลดลง เราจะมีนโยบาย มีขับเคลื่อน แล้วหน่วยปฏิบัติให้ชัดเจนขึ้น เพราะรัฐต้องทำหน้าที่ให้บริการประชาชน และมีกลไกในการขับเคลื่อนประเทศ แล้วจะมีการออกกฎ กติกา วางยุทธศาสตร์ และสร้างสภาพแวดล้อมให้เกิดการลงทุน อย่างโปร่งใส ยุติธรรม เพื่อให้ประชาชน “ทุกภาคส่วน” ได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างทั่วถึง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า หลายทศวรรษที่ผ่านมา เรามีการขยายโครงสร้างรัฐไป “3 เท่าตัว” ทั้งหน่วยงาน ทั้งคนอะไรต่าง ๆ เพราะความไม่พร้อม ของภาคอื่น ๆ ก็จะต้องไปด้วยกัน พัฒนาไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นภาคประชาชน ภาคเอกชน ธุรกิจ รัฐบาล ข้าราชการ ต้องไปด้วยกันทั้งหมด ไม่อย่างนั้นต่างคนต่างทำกันเอง ช่วยกันเอง รัฐบาลไม่ดูแล ก็เลยรัฐบาลก็ต้องทำไปตลอด ทั้งหมด แล้วเราจะต้องเพิ่มคน เพิ่มหน่วยงานอีกเท่าไร เพราะฉะนั้นเราจะต้องมาคิดดูตรงนี้ว่า เราจะปรับในเรื่องของโครงสร้างของภาครัฐอย่างไร ไม่ให้มากไปกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ สวนทิศทางของโลก ที่ต้องการให้เกิดการปฏิรูปและส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชน หลายคนก็บอกเราไม่ปรับ พยายามปรับเต็มที่
“วันนี้ก็ให้รัฐบาล ข้าราชการทำงานให้หนักขึ้น คิด มีวิสัยทัศน์ แต่กลไกอย่างไรก็ต้องพึ่งพารัฐอยู่ในขณะนี้ เพราะยังไม่พร้อม เราต้องสร้างคนอีกระยะหนึ่ง สร้างคน สร้างระบบ สร้างความรู้ ความชำนาญ ความคุ้นเคย หลายคนก็ไม่อยากจะเปลี่ยนแปลง อันนี้เป็นสิ่งที่เราเจอปัญหามา เพราะฉะนั้นการที่จะส่งเสริมบทบาทของภาคประชาชนให้มากยิ่งขึ้นนั้น ผมคิดว่ามีความจำเป็น ในการจะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ในส่วนของการลดหน่วยงานราชการนั้น เราก็ต้องลดมาจากกฎหมาย จากข้อบังคับ อาทิ ใบอนุญาตต่าง ๆ จะลดลงได้อย่างไร การใช้เอกสารจะลดลงได้หรือไม่ รูปแบบการให้บริการจะรวดเร็วขึ้นได้อย่างไร “ง่าย สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้” อันนี้จะช่วยให้มีน้ำหนัก ช่วยให้การตัดสินใจของนักลงทุน ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้มากยิ่งขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว