หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม“ผบก.ป.” ชี้พยาน 6 ปากคดี ‘ผกก.โจ้’ รับเป็นชุดจับกุม ยังไม่ชัดเอี่ยวฆ่า ‘ผู้ต้องหา’ แต่ส่อผิด ม. 157 เร่งสอบปมป่วย...

“ผบก.ป.” ชี้พยาน 6 ปากคดี ‘ผกก.โจ้’ รับเป็นชุดจับกุม ยังไม่ชัดเอี่ยวฆ่า ‘ผู้ต้องหา’ แต่ส่อผิด ม. 157 เร่งสอบปมป่วย ‘ไบโพล่า’-‘รถหรู’ ในครอบครอง

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.)  เปิดเผยขั้นตอนหลัง กองปราบปราม รับโอนสำนวนนคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีต ผกก.โจ้ กับพวกรวม 7 คน  ซ้อมทำร้ายผู้ต้องหาคดียาเสพติดด้วยการใช้ถุงคลุมหัวเสียชีวิตมาทำคดี โดยมี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสืบสวนสอบสวน ว่า คณะพนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน จากนั้นก็จะส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. ส่วนในทางคดีพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำตำรวจ 6 นาย ซึ่งเป็นชุดจับกุมในฐานะพยานให้การเป็นประโยชน์ยอมรับว่า ที่อยู่ในเหตุการณ์การจับกุมจริง และชุดจับกุมมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยคดียาเสพติดมาสอบปากคำที่ สภ.เมืองนครสวรรค์จริง แต่หลังจากนั้นจะมีพฤติกรรมอย่างไรต้องตรวจสอบในรายละเอียด  ส่วนตำรวจทั้ง 6 นาย จะเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตร 157 ด้วยหรือไม่ ความชัดเจน ไม่สามารถเปิดเผยได้ ขึ้นอยู่กับคณะพนักงานสอบสวนที่มี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าคณะฯ จะพิจารณาความผิดดังกล่าว

พล.ต.ต.สุวัฒน์  กล่าวว่า การขยายผลเส้นทางการเงินของอดีต ผกก.โจ้ โดยเฉพาะการครอบครองรถยนต์หรูกว่า 300 คัน ขณะนี้มอบหมายให้ กองบังคับการตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. เป็นผู้รับผิดชอบ ในการตรวจสอบทั้งหมด เบื้องต้นกรณีที่อดีต ผกก.โจ้ เป็นผู้แจ้งจับรถกับกรมศุลลากรกว่า 300 คัน ยังไม่ได้ชี้ชัดว่า เป็นเรื่องผิดปกติ แต่ ปอศ. ต้องสอบสวนอย่างละเอียดว่า ข้อมูลที่มีการเผยแพร่จริงหรือไม่ รวมทั้งผู้ที่นำเข้ารถหรู จะรู้เห็นเป็นใจกับ  ผกก.โจ้ หรือไม่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ปอศ. เช่นกัน

ทั้งนี้ ยอมรับว่า ข้อมูลต่าง ๆ ที่แจ้งมายังตำรวจ และเผยแพร่สื่อออนไลน์ ส่วนใหญ่พบว่า เป็นข้อมูลเก่าและไม่มีตัวตนสำหรับผู้แจ้งแล้ว แต่ตำรวจจะตรวจสอบข้อมูลทุกอย่าวที่ประชาชนแจ้งเบาะแสมา ส่วนที่สังคมมองว่า ตำรวจ มีการช่วยเหลือกันหรือไม่นั้น ก็มองได้แต่ กองปราบปราบ ยืนยันดำเนินการตามพยานหลักฐานและให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

สำหรับกระแสข่าวที่ อดีต ผกก.โจ้ ป่วยเป็นโรคไบโพล่านั้นอยู่กับพยานหลักฐานว่า เป็นก่อนหรือหลัง มีการรักษาตัวหรือไม่ การจะมากล่าวอ้างแบบเลื่อนลอยไม่มีน้ำหนักในทางคดี

ผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงกรณีเรื่องคนนำคลิปเหตุการณ์ขณะทำร้ายผู้ต้องหาบนโรงพักมาปล่อยว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบยังไม่สามรถบอกได้ว่า เป็นคนในหรือคนนอก เพราะมีทั้งการที่คนนอกอาจจะเอามาปล่อยก็ได้แม้เรื่องจะเกิดขึ้นภายในโรงพัก แต่ยืนยันว่า การสอบสวนหากไม่พบคนปล่อยคลิปก็สามารถดำเนินคดีได้ หากคลิปดังกล่าวไม่มีการตัดต่อก็ถือเป็นหลักฐานที่สำคัญและสมบูรณ์ในการดำเนินคดี

“ส่วนบิดาของผู้เสียชีวิตจะความผิดหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ แต่ตำรวจไปสอบปากคำมาแล้ว เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องทำอย่างรอบคอบ รวมทั้งเรื่องบุคคลที่มาช่วยเหลือนำตัว อดีต ผกก.โจ้ มาส่ง สภ.แสนสุขนั้น ตรงนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนเช่นกัน” พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าว

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img