หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม“พงส.มีนบุรี” สรุปสำนวนฟ้อง “ทนายตั้ม” ต่ออัยการฯ แล้ว ฐานปลอมลายเซ็น เพื่อให้ศาล ลดโทษคดียาเสพติด “เอมี่-อาเมเรีย จาคอป”

“พงส.มีนบุรี” สรุปสำนวนฟ้อง “ทนายตั้ม” ต่ออัยการฯ แล้ว ฐานปลอมลายเซ็น เพื่อให้ศาล ลดโทษคดียาเสพติด “เอมี่-อาเมเรีย จาคอป”

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาคดีการเสียชีวิตอย่างปริศนาของน้องชมพู่ ซึ่งเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี จำกุมคุมตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 กรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.ศาลาแดง ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ว่า ถูกนำเอกสารบัตรข้าราชการตำรวจไปปลอมแปลงลายเซ็น เพื่อใช้ในการยื่นต่อศาลในการขอลดโทษ พ.ร.บ.ยาเสพติด มาตรา 100/2 ในคดี น.ส.อาเมเรีย จาคอป หรือ เอมี่ อดีตนางเอกสาวชื่อดัง ตกเป็นจำเลย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนเรื่อยมาจนกระทั่งศาลจังหวัดมีนบุรี ได้อนุมัติหมายจับนายษิทรา  ตามมาตรา 180  ผู้ใดนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี

กระทั่งต่อมาวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผกก.สส.บก.น.3 พร้อมกำลังตำรวจฝ่ายสืบสวนบก.น.3 และตำรวจ สน.มีนบุรี นำหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ได้เข้าจับกุมตัวนายษิทรา  จับกุมได้ที่สำนักงานกฎหมาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด ถนนเศรษฐกิจ ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาที่ สน.มีนบุรี ก่อนจะประกันตัวออกมาสู้คดี

ซึ่งล่าสุดวันนี้ (วันที่ 10 มิ.ย) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ได้สรุปสำนวนส่งให้กับพนักงานอัยการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าพนักงานอัยการจะมีความเห็นสั่งฟ้องนายษิทรา ต่อศาลมีนบุรี ในเร็วๆ นี้ เกี่ยวกับความผิดตามมาตรา 180  ผู้ใดนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ถ้าเป็นพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดีนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับคดีดังกล่าวนี้สืบเนื่องจาก ด้วยเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ได้มี ด.ต.สิทธิศักดิ์ สุทธิประสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ศาลาแดง ผู้กล่าวหา ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ให้ดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด กับพวกรวม 4  คน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด (ทนายตั้ม) ผู้ต้องหาที่ 1 นายอาคม คงสวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 2 นายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ ผู้ต้องหาที่ 3 นายทอมมี่ จาคอป ผู้ต้องหาที่ 4 ในฐานความผิด ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาในกรณีแห่งข้อหาว่าผู้ใดกระทำความผิดที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต

ซึ่งคดีดังกล่าวจากก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัวนายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ และ น.ส.อาเมเรีย จาคอป ในคดีร่วมกันครอบครองยาเสพติดฯ ส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดีหลัง จากนั้นได้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ และมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองไปยังศาลจังหวัดมีนบุรี และศาลจังหวัดมีนบุรีได้มีคำสั่งลงโทษจำคุก นายปุณยวัจน์ มีกำหนด 25 ปี ส่วน น.ส.อาเมเรีย  ยกฟ้องในฐานความผิดร่วมกันครอบครองยาเสพติดฯ

ต่อมามีการเสนอข่าวเรื่องมีการวิ่งเต้นล้มคดี และทำเรื่องมาตรา 100/2 ของ พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ ทำให้ผู้กล่าวหาในคดีนี้ได้ถูกดำเนินการทางวินัยว่าได้มีการนำสำเนาบันทึกการจับกุม ผู้ต้องหารายหนึ่ง พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 40,000 เม็ด โดย ด.ต.สิทธิศักดิ์ เป็นผู้ร่วมจับกุม พร้อมด้วยสำเนา บัตรข้าราชการที่มีการรับรองสำเนาถูกต้องยื่นต่อศาลจังหวัดมีนบุรี แล้วให้นายปุณยวัจน์ เบิกความว่า เป็นผู้ให้ข้อมูลรายสำคัญกับ ด.ต.สิทธิศักดิ์ จนเป็นเหตุให้มีการจับกุมนายศุภกิจ

ซึ่ง ด.ต. สิทธิศักดิ์ ผู้กล่าวหา ไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหานี้และไม่เคยนำสำเนาบันทึกจับกุมนายศุภกิจ และสำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการไปให้กลุ่มผู้ต้องหา แต่อย่างใด เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในความผิดฐานใช้หรืออ้างเอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

ทั้งนี้ในขณะที่นายปุณยวัจน์ และ น.ส.อาเมเรีย  ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษมีนบุรี นายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เป็นทนายความของ น.ส.อาเมเรีย และนายชัยวัฒน์ เดชปทุม เป็นทนายความของนายปุณยวัจน์ และตรวจสอบการเยี่ยมผู้ต้องหา ทั้งสองพบว่า มีการพูดคุยกันในทางคดียาเสพติดเกี่ยวกับการหาข้อมูลการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวกับยาเสพติดที่มีปริมาณมากเพื่อมาช่วยเหลือเพื่อให้ศาลได้พิจารณาลดโทษให้ นายปุณยวัจน์

ต่อมาวันที่ 7 มิถุนายน 2561 เป็นวันนัดสืบพยานจำเลย นายอาคม, นายษิทรา, นายศักดิ์ชัย พันธ์รอด, นายทอมมี่ บิดา มารดาของ น.ส.อาเมเรีย ได้มาที่ห้องพิจารณา คดีที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ระหว่างนั้นได้มีหญิงไทยไม่ทราบชื่อนามสกุลได้นำเอกสารสำเนาบันทึกจับกุมและสำเนาบัตรข้าราชการของ ด.ต.สิทธิ์ศักดิ์ ใส่ในซองสีน้ำตาลส่งให้นายปุณยวัจน์ แล้วนายปุณยวัจน์ได้นำซองสีน้ำตาลดังกล่าวให้นายอาคม ซึ่งทำหน้าที่เป็นทนายความของนายปุณยวัจน์ และนายอาคม ได้ยื่นเอกสารดังกล่าว ศาลหวัดมีนบุรี มีการสีบพยานนายปุณยวัจน์ กับการขยายผลจับกุมยาเสพติดรายดังกล่าวว่าเป็นผู้ขอให้ข้อมูลมาตรา 100/2 จนกระทั่งมีการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img