เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำตัว นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการข่าว จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขึ้นรถกรมราชทัณฑ์มาติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM) ที่สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร เขต 7 หลักสี่ หลังจากที่ได้รับการพิจารณาพักโทษกรณีพิเศษ โดยครอบครัวและญาติของนายสรยุทธ ได้นำดอกไม้ธูปเทียน ทำพิธีกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ระหว่างรอการปล่อยตัวนายสรยุทธ
ต่อมา เวลา 09.30 น. นายสรยุทธ เปิดเผยหลังติดกำไล อีเอ็ม ว่า ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจ ตนดีใจที่ได้รับอิสรภาพแม้จะยังไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอยู่ภายใต้เงื่อนไขกรมคุมประพฤติ แต่อย่างน้อยก็ยังได้ออกจากเรือนจำ ทั้งนี้ช่วงระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ระยะเวลา 1 ปีกว่า การกินอยู่เป็นนอนไม่สบายมากนักแต่ก็ค่อยๆปรับตัวได้ ก็มีความทุกข์บ้างแต่คดีก็ได้จบสิ้นเสียที กระทั่งช่วงโควิด-19 ระบาด ซึ่งมีกระแสข่าวในเรือนจำบุรีรัมย์มีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 จึงทำให้เกิดจลาจล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยธ. จึงมีนโยบายจัดรายการเรื่องเล่าชาวเรือนจำ เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งนายสรยุทธ ระบุว่า หลังจากที่ตนเองมีโอกาสได้จัดรายการซึ่งเป็นอาชีพที่ตนรัก ก็ทำให้วันเวลาในเรือนจำผ่านไปไวขึ้น และหลังจากนี้มีโอกาสกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งในชีวิตใหม่อีกครั้ง

นายสรยุทธ ระบุพร้อมน้ำตาคลอ หลังจากออกเรือนจำสิ่งแรกอยากจะทำคือ เดินทางไปไหว้รูปมารดา ส่วนการกลับมาจัดรายการข่าวนั้นจะขอใช้เวลาคิดสักระยะ เพราะตนว่างเว้นจากการทำข่าวมานานกว่า 5 ปี ตั้งแต่มีคดีความ และปัจจุบันมีรายการข่าวมากมายต้องขอเวลาปรับตัวแต่ยืนยันว่า หากจะกลับมาทำหน้าที่พิธีกรข่าว จะยังคงอยู่ที่ช่อง 3 เหมือนเดิม
ด้าน ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า การปล่อยตัวของ นาย สรยุทธ ครั้งนี้ ไม่ใช่การปล่อยตัวนักโทษวีไอพี แต่เป็นการอำนวยความสะดวกเพราะเห็นว่า นายสรยุทธ เป็นที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนรวมถึงเป็นที่รู้จักของคนในสังคม จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบในทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว
ขณะที่ นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ ระบุว่า หลังจากติดกำไล อีเอ็ม แล้ว นายสรยุทธ จะไม่สามารถกลับไปใกล้กับบริเวณเรือนจำได้ เพราะเป็นข้อห้าม เนื่องจากเกรงว่าจะมีการติดต่อกับนักโทษภายใน, ห้ามขึ้นเครื่องบินแต่หากจะเดินทางต้องขออนุญาตก่อน, ห้ามเคลื่อนย้ายออกนอกสถานที่ได้รับอนุญาต คือ พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ยกเว้นได้รับอนุญาต รวมถึงห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง เช่น เป็นพิธีกรให้กับพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่งยกเว้นแต่การจัดรายการข่าวทั่วไปซึ่งจะต้องนำเสนอข้อเท็จจริงของข่าวภายใต้จรรยาบรรณของสื่อมวลชน
ทั้งนี้ นายสรยุทธ์ เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการลดโทษมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อช่วงเดือน สิงหาคม 2563 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2563 กำหนดโทษหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน ซึ่งรับโทษจำคุกมาแล้ว 1 ปี 2 เดือน 6 วัน คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน โดย นายสรยุทธ ได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ และเหลือโทษที่ต้องได้รับต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี ถือว่าเป็นประโยชน์ของผู้ต้องขังตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 จึงมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ และต้องติดกำไล อีเอ็ม เป็นระยะเวลา 14 เดือน ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.64 ถึง 20 พ.ค.65 และต้องรายงานตัวจนกว่าจะพ้นโทษ คือ วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 รวม 2 ปี 4 เดือน
อย่างไรก็ตาม พบว่า บรรยากาศที่กรมคุมประพฤติ มีคนดังเดินทางมารอรับเป็นจำนวนมาก เช่น นายศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร หรือ โต๋ นักร้องชื่อดัง, นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นักธุรกิจและนักการเมืองชื่อดัง, นายตัน ภาสกรน นักธุรกิจ และ นางอริสรา กำธรเจริญ หรือหมวย ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ซึ่งทุกคน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกดีใจที่นายสรยุทธ์ ได้ออกจากเรือนจำแล้ว



