
ด้านทีมทนายความ กล่าวว่า ได้ยื่นฟ้องแพ่ง ต่อ กกต.เพื่อเรียกค่าเสียหาย 86 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.62 ก่อนที่ กกต.จะยื่นเรื่องต่อศาลฎีกา ว่า กกต.ใช้อำนาจโดยไม่ชอบเป็นการใช้อำนาจไม่สุจริต เที่ยงธรรม โดยยืนยันว่ากระบวนการที่ได้มาซึ่งคะแนนของนายสุรพล เป็นไปอย่างชอบธรรม และย้ำว่า การที่ กกต. อ้างอิงว่าคำวินิจฉัยของ กกต. ถือเป็นที่สุด นั้น จะต้องได้รับการตรวจสอบจากศาลยุติธรรมด้วย โดยศาลฎีกาได้วินิจฉัย ว่า สิ่งที่ กกต.นำมาพิจารณาคลาดเคลื่อนไป ย้ำ นายสุรพล นำเงินไปถวายพระเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับเงินทอดผ้าป่าตามข้อกล่าวหาของ กกต. ซึ่งถือว่าคำวินิจฉัยของ กกต.ถูกลบล้างด้วยคำพิพากษาของศาล เท่ากับว่า ผลในการออกใบส้มไม่มีต่อไป ดังนั้น กกต. ต้องทบทวนเรื่องนี้ แม้ปัจจุบันยังไม่เคยมีบรรทัดฐานในเรื่องนี้มาก่อน แต่จำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรคมีความหมายต่อการบริหารบ้านเมือง ดังนั้น กกต.ต้องทบทวนใหม่ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้นายสุรพล และขอให้แก้ข่าวเรื่องข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาของศาล เพราะนายสุรพล ได้รับความเสียหาย
นายอดิศร เพียงเกษ คณะทำงานผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ข้อเท็จจริงปรากฎชัดเจนว่า กกต.กับศาลฎีกา วินิจฉัยต่างกัน ทั้งที่สำนวนเรื่องเดียวกัน จึงเรียกร้องให้ กกต. ทั้ง 7 คนรับผิดชอบด้วยการลาจากตำแหน่ง เนื่องจากวินิจฉัยผิดพลาด

