นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ‘สมชัย ศรีสุทธิยากร Fan page‘ กล่าวถึงคำทำนายสถานการณ์ทางการเมืองว่า เปิดคำทำนายที่ 7 มาตรา 102 และ มาตรา 103 ของรัฐธรรมนูญ กำหนดให้รัฐบาลเป็นผู้ประกาศกฤษฎีกาเลือกตั้ง ส่วน กกต.เป็นคนกำหนดวันเลือกตั้งภายในกรอบเวลา 45 วัน หรือ 60 วัน โดย กกต.ต้องดำเนินการประกาศวันเลือกตั้งภายใน 5 วันหลังจากรัฐบาลประกาศกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง
“มาตรา 268 ของรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ ภายใน 150 วัน หลังจาก กม.ลูกสำคัญ 4 ฉบับ คือ พรป.ส.ส. พรป.ส.ว. พรป.พรรคการเมือง และ พรป.กกต. มีผลบังคับใช้ ข้อ 8 ของคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 กำหนดให้ ครม. หารือ กกต. กรธ. ประธานสนช. และอาจเชิญพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองเข้ารือกัน เพื่อให้มีข้อสรุปแจ้ง คสช.ให้แก้ไข คำสั่ง คสช.ทั้งหลายที่เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง และ กำหนดแผนขั้นตอนไปสู่การเลือกตั้งตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จากการอ้าง รัฐธรรมนูญและคำสั่ง คสช. ข้างต้น ทำให้เห็นว่า มีประเด็นที่อาจเป็นปัญหาในอนาคตอย่างน้อยสองประการคือ 1) ใครเป็นผู้ประกาศวันเลือกตั้ง และ 2) วันเลือกตั้งควรใช้เต็มกรอบ 150 วัน หรือ จะเผื่อการประกาศผล เนื่องจากไม่ชัดเจนในคำว่า “การจัดการเลือกตั้งที่แล้วเสร็จ” คืออะไร” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า ใครเป็นผู้ประกาศวันเลือกตั้ง เชื่อว่าในทางนิตินัย ครม.และ คสช.คงยอมถอย ให้ กกต.เป็นผู้ประกาศตาม กม. เพราะรัฐธรรมนูญย่อมใหญ่กว่าคำสั่ง คสช. แต่ในทางพฤตินัย คสช.คงใช้อำนาจเพื่อให้ กกต.ประกาศตามที่ตนต้องการ โดยอาศัยฉันทามติของการประชุมปรึกษาหารือตามข้อ 8 ของคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 แต่การตัดสินใจที่จะเกิดขึ้นตามมา คือ วันเลือกตั้งวันใด แม้ในทางพฤตินัยมาจากความเห็นชอบร่วมทุกฝ่าย แต่ในทางนิตินัย หากเกิดความผิดพลาดจนทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ กกต.จะเป็นผู้รับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
นายสมชัย กล่าวเพิ่มว่า การจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จใน 150 วัน หมายถึงประกาศผลด้วยหรือไม่ ในกรณีนี้ พรรคการเมืองที่มีความพร้อมน้อยกว่า ต้องการเวลาในการเตรียมพรรคและการหาเสียง สนง.กกต.ที่ต้องการเวลาที่มากที่สุดในการเตรียมการทางธุรการ รวมทั้งเจตนาในการเลือกตั้งของ ครม. คสช. และ สนช. ย่อมเป็นแรงผลักดันให้ คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้กรอบเวลา 150 วัน เพื่อการลงบัตรอย่างเดียว ไม่หมายรวมถึงการประกาศผลด้วย แต่หาก กกต.ต้องการความปลอดภัยในผลการตัดสินใจ กกต.อาจกำหนดวันเลือกตั้งใน เวลาประมาณ 90-100 วัน และเหลือเวลา 50-60 วันไว้เพื่อประกาศผลให้ได้ร้อยละ ๙๕ ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด
นายสมชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า คนแพ้ ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนคนแพ้ที่แท้คือ กกต. หากกำหนดเลือกตั้งยืดตามกรอบ 150 วันเต็ม คนชนะเลือกตั้งคงไม่ทำอะไร แต่หากเป็นแพ้เป็นผู้มีอำนาจอิทธิพล ฟ้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ หากศาลบอกไม่ผิดก็แล้วไป แต่หากศาลพิจารณาว่า การเลือกตั้งให้แล้วเสร็จคือต้องรวมประกาศผล การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจะเป็นโมฆะ เงินจัดการเลือกตั้งเกือบ 5 พันล้านบาทต้องสูญเปล่า กกต.คงไม่อาจอ้างผลการปรึกษาหารือกับใครได้ เพราะการตัดสินประกาศวันเลือกตั้งเป็นอำนาจของ กกต.ตามรัฐธรรมนูญ
“ทางอาญา คือ การตัดสินใจโดยประมาท ปราศจากความรอบคอบ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย ทางแพ่ง คือ ค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้ง เกือบ 5 พันล้านที่ กกต. 4 หรือ 7 คนที่ร่วมกันชดใช้ คำทำนายนี้ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟัง ไม่ได้ขอให้ใครเชื่อครับ” นายสมชัย กล่าว