หน้าแรกการเมืองฝ่ายค้านชี้รัฐเร่งแก้ตกงานตามหลังยังไม่พอ

ฝ่ายค้านชี้รัฐเร่งแก้ตกงานตามหลังยังไม่พอ

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเปิดเวทีเสวนา ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก ที่จังหวัดชลบุรี ที่ได้รับผลกระทบอย่างสาหัส จากโควิด-19 หากพูดถึงผลกระทบจากโควิด-19 แล้ว ภาคการผลิตที่ได้ผลกระทบหนักที่สุด หนีไม่พ้นภาคท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรม ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ซึ่งเป็น 2 เป็นเครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ต้องเป็นอัมพาต เกิดขึ้นจาก 2 สาเหตุใหญ่ คือ
1.ด้านอุปทาน ห่วงโซ่อุปทานถูกดตัดขาดในช่วงต้นๆของการระบาด ทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบ
2. ด้านอุปสงค์ กำลังซื้อของตลาดโลกแทบจะอยู่ในภาวะหยุดนิ่ง

ทั้ง 2 ปัจจัยนี้ทำให้ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกไทยอยู่ในอาการโคม่า ตลาดส่งออกสำคัญของไทยมูลค่ากว่าครึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อจากโควิดสูงทั้งจีน EU สหรัฐฯ ตะวันออกกลาง เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ทั้งหมดอยู่ในภาวะหยุดชะงัก และไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลายลงในระยะอันใกล้ นอกจากนั้นโควิด-19 ทำให้กำลังซื้อในส่วนต่างๆของโลกมีปัญหาเนื่องจากรายได้ของประชากรในประเทศหดหาย เมื่อรายได้ประชากรหดหาย การใช้จ่ายก็จะถูกจำกัด สินค้าส่งออกของไทยจึงไม่มีกำลังซื้อมารองรับ

นอกจากนั้น ปัญหาค่าเงินบาทแข็งก็เป็นปัญหามานาน และยิ่งหนักขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงโควิด ที่ประเทศมหาอำนาจต่างใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ใช้การพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบมากเป็นประวัติการณ์ ทำให้ค่าเงินต่างประเทศอ่อนและทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้น เป็นอุปสรรคต่อภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกไทย ทำให้การแข่งขัน

ด้านราคาของไทยทำได้ลำบาก ในประเด็นนี้ตนเห็นว่าธนาคารแห่งประเทศไทยควรมุ่งเน้นด้านสามารถในการแข่งขันด้านราคาของผู้ส่งออกมากกว่าเน้นด้านเสถียรภาพเพียงอย่างเดียว เมื่อภาคอุตสาหกรรมมีปัญหา สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็คือการล้มตายของธุรกิจจำนวนมาก จึงเป็นเหตุให้ประเทศไทยตกงานจำนวนมหาศาล ไม่มีตาข่ายช่วยป้องกันการตกงานเหมือนประเทศอื่น ผู้ที่เดือดร้อนที่สุดจึงคือแรงงานที่ตกงานในปัจจุบัน รัฐบาลพยายามแก้ไขภายหลังโดยการอุดหนุนการจ้างงานใหม่ แต่มันก็สายเกินไปมากแล้ว แทนที่จะป้องกันการตกงาน แต่กลับรอให้ตกงานแล้วค่อยมากช่วย

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img