หน้าแรกเศรษฐกิจ-การเงินกรุงศรี JPC/MNC ตอกย้ำจุดแข็งเชิงกลยุทธ์ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจอันดับหนึ่งในตลาดบริษัทญี่ปุ่นในไทย

กรุงศรี JPC/MNC ตอกย้ำจุดแข็งเชิงกลยุทธ์ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจอันดับหนึ่งในตลาดบริษัทญี่ปุ่นในไทย

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน)) ในเครือมิตซูบิชิยูเอฟเจไฟแนนเชียลกรุ๊ป (MUFG) สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและเป็นกลุ่มสถาบันการเงินชั้นนำของโลกตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นพร้อมตั้งเป้าสู่การเป็นธนาคารอันดับหนึ่งในใจของกลุ่มลูกค้าบริษัทข้ามชาติผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ส่งมอบคุณค่าเพิ่มให้กับลูกค้าด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมและการผสานพลังความแข็งแกร่งกับ MUFG กรุงศรีจึงมีศักยภาพความสามารถในการแข่งขันเพื่อส่งเสริมการลงทุนใหม่ๆจากญี่ปุ่นอย่างยั่งยืนและมีความพร้อมในการสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทข้ามชาติที่มองหาโอกาสทางธุรกิจในประเทศไทย

นายโยชิยูกิโฮริโอะประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่น (JPC/MNC Banking) กล่าวว่า “การดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจ JPC/MNC บนเส้นทางสู่การเป็นพันธมิตรธุรกิจที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้านั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากความมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อสนับสนุนลูกค้าให้เติบโตอย่างยั่งยืนทั้งนี้จากความเข้าใจในลูกค้าอย่างลึกซึ้งและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ทำให้กลุ่ม JPC/MNC ไม่เพียงนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่มีคุณค่าที่ตอบสนองความต้องการและตอบโจทย์ตลอดจนแก้ปัญหาทางธุรกิจให้กับลูกค้าได้อย่างครบวงจรแต่ยังสามารถให้บริการคำปรึกษาที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจและขับเคลื่อนความเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศและในระดับภูมิภาค”
“เพื่อยกระดับความเป็นผู้นำตลาดกลุ่มธุรกิจ JPC/MNC ของกรุงศรีได้ริเริ่มโครงการส่งเสริมธุรกิจทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับด้านสินทรัพย์และด้านหนี้สิน (Assets and Liabilities) ตลอดจนส่งเสริมโอกาสในการทำธุรกรรมด้านตราสารอนุพันธ์และการปริวรรตเงินตรารวมทั้งด้านธุรกรรมการค้าและธุรกรรมการเงินเรามุ่งเน้นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะเป็นธนาคารผู้ให้บริการหลักของลูกค้าในขณะเดียวกันเรามีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างกลุ่มธุรกิจต่างๆของกรุงศรีตลอดจนใช้ประโยชน์จากการผสานพลังศักยภาพกับ MUFG และธนาคารพันธมิตรในภูมิภาคโดยมุ่งเน้นการดำเนินงานที่เป็นเลิศการนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและการพัฒนาศักยภาพบุคลากร” นายโฮริโอะกล่าว

การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นได้ทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้างท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนกลุ่มธุรกิจ JPC / MNC ได้ยืนหยัดอยู่เคียงข้างลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องด้วยการออกมาตรการให้ความช่วยเหลือหลากหลายอาทิการให้วงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนและเสริมสภาพคล่องให้กับลูกค้ารวมทั้งการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดและทิศทางอุตสาหกรรมต่างๆผ่านการจัดงานสัมมนาออนไลน์และการสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆให้กับลูกค้าผ่านการจัดกิจกรรมการเจรจาจับคู่ธุรกิจ

จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่เปิดเผยเมื่อเร็วๆนี้จำนวนโครงการลงทุนที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนและขอรับสิทธิประโยชน์จาก BOI ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 มีจำนวน 754 โครงการเพิ่มขึ้นถึง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนทั้งนี้ประเทศไทยซึ่งเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของการลงทุนของญี่ปุ่นโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายการลงทุนที่สำคัญของนักลงทุนญี่ปุ่นซึ่งยังคงครองอันดับหนึ่งในแง่ของจำนวนเงินลงทุนที่ยื่นขอสิทธิประโยชน์จาก BOI ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563

“เพื่อเป็นการสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศในประเทศไทยเราจะเน้นพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างความเติบโตของกลุ่มธุรกิจ JPC/MNC ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้านี้” นายโฮริโอะกล่าว

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img