นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวภายหลัง พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลภาครัฐ” ว่า ทางกรมสรรพากรมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยี มาใช้ในระบบการให้บริการด้านภาษี เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการและผู้เสียภาษีสามารถทำธุรกรรมภาษีได้ง่าย ช่วยลดต้นทุนและให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล การลงนามบันทึกข้อตกลงการนำระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลภาครัฐในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายธรรมาภิบาลข้อมูล ของกรมสรรพากร พ.ศ.2563 ซึ่งจะช่วยคุ้มครองการเข้าถึงข้อมูลและการใช้บริการอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร

ด้านนายสุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล หรือ สพร. กล่าวว่า โครงการนี้ นับเป็นโครงการสำคัญตามเป้าประสงค์ในยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ และแผนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ในการบริหารงานภาครัฐ และยกระดับการให้บริการประชาชน ลดภาระในการติดต่อหรือใช้บริการจากภาครัฐ เพราะที่ผ่านมาการให้บริการของภาครัฐแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ หรือการให้บริการของภาคธุรกิจแก่ประชาชน ประกอบด้วยขั้นตอนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนที่มีความซ้ำซ้อน สิ้นเปลืองทั้งเวลาและทรัพยากร เกิดภาระต่อผู้มีหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้องและยืนยันตัวตน ก่อให้เกิดความไม่สะดวกและเกิดภาระต่อผู้ใช้บริการ